Author Archive for: musicspace

musicspace

About musicspace

รีวิวไมค์ห้องประชุมออนไลน์ BOSCH ล่าสุด 2023 หากกล่าวถึ […]

รีวิวไมค์ห้องประชุมออนไลน์ BOSCH ล่าสุด 2023

หากกล่าวถึงไมค์ห้องประชุม หลายท่านคงเคยได้ยินชื่อเสียงของไมค์ยี่ห้อ BOSCH มาพอสมควร ด้วยชื่อชั้นที่เป็นแบรนด์จากยุโรป มุ่งเน้นในการผลิตสินค้าคุณภาพ บวกกับก่อตั้งมานานจึงได้รับความไว้วางใจจากองค์กรทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานเอกชนตลอดจนหน่วยงานภาครัฐ

BOSCH เป็นสินค้าสัญชาติเยอรมัน เป็นแบรนด์ใหญ่ มีแผนกวิจัยพัฒนาและโรงงานเป็นของตนเอง ที่นี่ผลิตสินค้าหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ สินค้าใช้ภายในบ้าน สินค้าสำหรับงานอุตสาหกรรม รวมถึงสินค้าเทคโนโลยีด้านพลังงาน

BOSCH มีความเชี่ยวชาญเรื่องไมค์ห้องประชุม มีการผลิตไมค์ทั้งแบบมีสายและแบบไร้สายออกสู่ตลาดจำนวนหลายรุ่น หลายซีรี่ส์ โดยเฉพาะรุ่น BOSCH CCS1000D และ DICENTIS ไมค์ประชุมไร้สาย ถือเป็นชุดไมค์ห้องประชุมคุณภาพที่เราอยากแนะนำ

ชุดไมค์ประชุมแบบมีสาย BOSCH CCS-1000D

CCS-1000D เป็นชุดไมค์ประชุมชนิดแบบมีสาย ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย เชื่อมต่อแล้วใช้งานได้ทันที เหมาะอย่างยิ่งกับห้องประชุมที่ต้องการอุปกรณ์คุณภาพ สำหรับคุณสมบัติที่โดดเด่นของไมค์รุ่น CCS-1000D มีดังนี้

  • มีระบบอัจริยะป้องกันเสียงหวีดหอน
  • สามารถบันทึกเสียงการประชุมได้ภายในตัวหรือผ่านแฟลชไดร์ฟ USB
  • รองรับระบบควบคุมกล้องอัตโนมัติ
  • สุดล้ำด้วยระบบควบคุมผ่านเว็บเบราเซอร์
  • มีโหมดประหยัดพลังงาน หากไม่มีการใช้งานอุปกรณ์ภายในเวลา 2 ชั่วโมง ระบบจะปิดเครื่องเอง
  • ต่อพ่วงได้มากถึง 245 อุปกรณ์

ขนาดกะทัดรัดและคล่องตัวสูง

สำหรับไมค์ห้องประชุมชั้นนำระดับโลก BOSCH เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ออกแบบระบบชุดไมค์ประชุมที่มีความล้ำหน้า มีโซลูชันที่แตกต่าง ซึ่ง CCS-1000D ได้ถูกออกแบบและพัฒนาโดยทีมผู้เชี่ยวชาญของ BOSCH มีระบบที่ใช้งานง่าย สามารถจัดการประชุมได้อย่างรวดเร็ว ตอบโจทย์ห้องประชุมขนาดเล็กจนถึงห้องขนาดใหญ่ อาทิ รูปแบบการติดตั้งภายในห้องประชุมเดียวกัน หรือการประชุมแบบข้ามห้องระหว่างสำนักงานใหญ่กับสาขา และสำนักงานใหญ่กับโรงงานก็ไม่มีปัญหา

ให้เสียงคมชัด

ไมค์รุ่นนี้มาพร้อมเทคโนโลยีขั้นสูง ที่ช่วยส่งผ่านให้เสียงของผู้พูดส่งถึงผู้ฟังได้อย่างชัดเจน หรือให้ค่า Speech Intelligibility ที่ดีนั่นเอง โดยมีไมค์และระบบลำโพงคุณภาพเกรดพรีเมียมเป็นตัวกลาง จึงทำให้ผู้พูดและผู้ฟังรู้สึกเป็นธรรมชาติเหมือนได้พูดคุยกันต่อหน้า แม้จะมีผู้เข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนมากก็ตาม

ภายในไมค์มีเทคโนโลยีที่ชื่อว่า Digital Acoustic Feedback Suppression (DAFS) ผู้พูดสามารถเร่งระดับโวลุ่มของไมค์ได้เต็มที่ โดยไม่ต้องคอยกังวลเรื่องปัญหาการหวีดหอน ทุกๆ ถ้อยคำที่พูดออกไป จึงทำให้ผู้ร่วมประชุมได้ยินเสียงเหล่านั้นอย่างชัดเจน

สำรวจชุดไมค์ประชุม BOSCH CCS-1000D

ตัวไมโครโฟน

CCS-1000D เป็นชุดไมค์ประชุมรุ่นหนึ่ง ซึ่งจัดว่าออกแบบไว้ดีมาก มีรูปลักษณ์สวยงาม ทันสมัย มีความคลาสสิคในแบบไมค์ก้าน บวกกับมีการออกแบบวัสดุคุณภาพดีมาใช้ผลิต อาทิ ตัวหัวไมโครโฟนซึ่งออกแบบโดย BOSCH จึงทำให้ได้ค่า Speech Intelligibility ที่ดี ที่ฐานไมค์มีลำโพงคุณภาพจึงตอบสนองต่ออะคูสติกห้องได้อย่างยอดเยี่ยม มีไฟ LED (สีขาว/สีแดง) บอกสถานะการทำงานของตัวไมค์ในระหว่างประชุม ด้านข้างฐานไมค์มีช่องต่อกับหูฟังและโวลุ่มปรับดังเบา

ตัวควบคุม

สำหรับอุปกรณ์ควบคุม ภายในออกแบบเป็นวงจรดิจิตอล มีะบบควบคุมกล้องอัตโนมัติ มีฟังก์ชันสำหรับควบคุมระบบไมค์ผ่านเว็บเบราเซอร์ ช่วยให้เซตอัพระบบผ่านแท็บเล็ตได้ง่ายและรวดเร็ว มีปุ่มควบคุมภาษา พร้อมกับภาคป้องกันการหวีดหอน และระบบการบันทึกเสียงที่สามารถใช้ได้ทั้งในส่วนหน่วยความจำภายในเครื่องได้กว่า 8 ชั่วโมง หรือผ่านหน่วยความจำภายนอกได้ถึง 4,000 ชั่วโมง


ชุดไมค์ประชุมแบบไร้สาย BOSCH DICENTIS 

เมื่อห้องประชุมต้องออกแบบตามความต้องการที่เปลี่ยนไป ซึ่งในโลกสมัยใหม่ต้องการเทคโนโลยีการประชุม ที่ประกอบด้วยความยืดหยุ่น ความเสถียรและปลอดภัย ไมค์ไร้สาย DICENTIS จึงเข้ามาตอบโจทย์ผู้ใช้งานอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ด้วยชื่อชั้นของแบรนด์ BOSCH ในระดับแนวหน้าของวงการ โดยผ่านการวิจัยพัฒนามายาวนาน ระบบการประชุมไร้สาย DICENTIS นับเป็นโซลูชันอันทรงพลังที่ผสมผสานนวัตกรรม ความยืดหยุ่น และประสิทธิภาพเพื่อให้ประสบการณ์การประชุมดียิ่งขึ้น นี่คือจุดเด่นระบบไมค์รุ่นนี้มอบให้

  • ความยืดหยุ่น:  รองรับการปรับแต่งให้เข้ากับห้องต่างๆ ทั้งในห้องอเนกประสงค์ ศูนย์การประชุม หรืออาคารทางประวัติศาสตร์
  • นวัตกรรม:  ใช้เทคโนโลยี Wi-Fi มีมาตรฐานสูง ไม่เบียดความถี่เครือข่ายอื่น ช่วยให้การประชุมราบรื่นไร้การรบกวน
  • หน้าจอสัมผัส:  อุปกรณ์ประชุมมีหน้าจอสัมผัส ผ่านระบบไร้สายที่ปรับแต่งได้พร้อมตัวอ่าน NFC ในตัว
  • การเชื่อมต่อไร้สาย:  มาพร้อมฟังก์ชันการตั้งค่าและการควบคุมระบบไร้สายอย่างแท้จริง ด้วยฟีเจอร์ Wireless Access Point (WAP)
  • ความปลอดภัย:  ใช้การเข้ารหัส WPA2 เกรด Government สำหรับสัญญาณไร้สายทั้งหมด เพื่อให้แน่ใจว่าการสื่อสารมีความปลอดภัย
  • อคูสติกยอดเยี่ยม:  ให้การประมวลผลเสียงขั้นสูง มีระบบลดเสียงฟีดแบ็กอัจฉริยะ ช่วยมอบประสบการณ์การในห้องประชุมได้อย่างเหนือชั้น

ความยืดหยุ่นและความสมบูรณ์ทุกตำแหน่ง

ภายใต้ระบบการประชุมไร้สาย DICENTIS ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อความยืดหยุ่นสูงสุด โดยใช้เทคโนโลยีมาตรฐาน Wi-Fi เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งาน สามารถเคลื่อนย้ายไปมาได้อิสระ ไม่ต้องถูกจำกัดเหมือนระบบสาย สามารถกำหนดค่าเฉพาะของห้องต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะอยู่ในห้องโถงอเนกประสงค์หรือศูนย์การประชุม ระบบไร้สายนี้ช่วยให้ติดตั้งและจัดเรียงใหม่ไมค์ได้ง่าย รวดเร็วกว่า โดยยังคงความสมบูรณ์ของสถานที่เหล่านั้นไว้มากที่สุด

นวัตกรรมเทคโนโลยี Wi-Fi

ระบบนี้มีความสามารถในการส่งคลื่น โดยไม่ถูกรบกวนจากเครือข่าย Wi-Fi อื่นๆ ด้วยมาตรฐาน IEEE 802.11n จะทำงานได้อย่างราบรื่นทั้งในย่านความถี่ 2.4 และ 5 GHz พร้อมทั้งมีฟีเจอร์จัดการระบบไร้สายอัจฉริยะ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าการประชุมจะปราศจากสัญญาณรบกวน รวมถึงยังสามารถกระโดดสลับไปใช้ช่องสัญญาณที่ว่างอยู่โดยอัตโนมัติ เพื่อตอบสนองต่อการรับส่งข้อมูลที่เพิ่มขึ้น

หน้าจอสัมผัสแบบไร้สาย

คุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์เด่นนี้ ประกอบด้วยหน้าจอสัมผัสไร้สาย อุปกรณ์ได้ติดตั้งหน้าจอสัมผัสแบบ capacitive ขนาด 4.3 นิ้ว เพื่อการใช้งานที่ง่ายขึ้น รองรับการปรับแต่งการใส่โลโก้บริษัท และรวมถึงการขยายด้วยโมดูลซอฟต์แวร์เพิ่มเติม นับเป็นตัวเปลี่ยนเกมสำหรับระบบประชุม ทั้งในองค์กรและบริษัทให้เช่าต่างๆ ที่ต้องการยกระดับการสร้างแบรนด์หรือเพิ่มฟังก์ชันการใช้งาน

การเชื่อมต่อไร้สายที่แท้จริง

ตัวไมค์จะมีเว็บเบราว์เซอร์ในตัว ระบบ Wireless Access Point (WAP) จะเปิดใช้งานตามที่ผู้ใช้ทำการกำหนดค่า ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไร้สาย ทำให้ไม่ต้องใช้เราเตอร์ไร้สาย ผู้ใช้ยังสามารถตั้งค่า WAP สองชุด เพื่อให้มั่นใจถึงการสื่อสารที่เชื่อถือได้และการประชุมที่ต่อเนื่อง

การรักษาความปลอดภัยระดับ Government

ด้วยความเข้าใจถึงความสำคัญของความปลอดภัยของข้อมูล DICENTIS จึงใช้การเข้ารหัสแบบ WPA2 กับสัญญาณไร้สายทั้งหมด ทำให้การป้องกันอยู่ในระดับสูง ไม่ต้องกังวลเรื่องการละเมิดความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นระหว่างประชุม นอกจากนี้ยังออกแบบให้สามารถเพิ่มอุปกรณ์ได้ง่ายและปลอดภัย ด้วยโหมดพิเศษ

กำหนดค่าและควบคุมกล้องได้ง่าย

ระบบสามารถควบคุมกล้องอัตโนมัติ ไมค์รุ่นนี้รองรับกล้องรุ่น Bosch HD Conference Dome ได้สูงสุด 6 ตัว ด้วยการกำหนดค่าง่ายๆ ผ่านเว็บเบราว์เซอร์ของไมค์ และไม่จำเป็นต้องใช้ซอฟต์แวร์ของ Third party

ความเป็นเลิศด้านเสียง

การประมวลผลเสียงขั้นสูง ช่วยให้การประชุมแบบเห็นหน้ากันได้เสียงที่ชัดเจน แม้ตัวไมโครโฟนและลำโพงจะทำงานพร้อมกัน ตัวระบบอันชาญฉลาดของ BOSCH จะลดเสียงสะท้อนกลับ ซึ่งมักเป็นเสียงที่ไม่ต้องการ ผลคือได้ความชัดเจนของเสียงพูด แม้ใช้ในขณะเร่งเสียงดังขึ้นก็ตาม

เพลิดเพลินกับเสียงต่อเนื่อง

คุณลักษณะเฉพาะของระบบ DICENTIS คือความสามารถในการป้องกันการ Loss ของเสียงที่ถูกลำเลียงผ่านะรบบไร้สาย ช่วยให้แน่ใจว่าเสียงจะมีความต่อเนื่องไม่ขาดหาย ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่เหนือคู่แข่ง

แอพพลิเคชั่น

ระบบการประชุมไร้สาย DICENTIS ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการลงทุนของบริษัทให้เช่าระบบไมค์ และการใช้งานในห้องอเนกประสงค์อาคารทางประวัติศาสตร์ ห้องประชุมระดับนานาชาติ ให้ความสะดวกทั้งในเรื่องการติดตั้ง การเซตอัพ และขนย้าย ทำให้การลงทุนนี้คุ้มค่าสำหรับบริษัทที่มุ่งเน้นการเติบโต


สรุป

หากท่านกำลังมองหาชุดไมค์ประชุมแบบมีสาย เราขอแนะนำ BOSCH CCS-1000D ไมค์รุ่นนี้มีเทคโนโลยีสุดล้ำ สามารถติดตั้งใช้งานได้หลากหลายสถานที่ ตั้งแต่ห้องประชุมขนาดเล็กไปจนถึงห้องขนาดใหญ่ สามารถใช้ในศาลพิจารณาคดีได้ เนื่องจากมีระบบบันทึกเสียง ดังนั้น ถ้อยคำของอัยการ ผู้พิพากษา ทนาย โจทย์ จำเลย จึงถูกบันทึกไว้โดยไม่ตกหล่น

อีกหนึ่งทางเลือกชุดไมค์ประชุมแบบไร้สาย BOSCH DICENTIS เป็นโซลูชันการประชุมที่ให้ความยืดหยุ่นและมีนวัตกรรมใหม่ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย มีการสื่อสารหรือเชื่อมต่อที่ปลอดภัย ปราศจากสัญญาณรบกวน มีหน้าจอสัมผัสที่ใช้งานง่าย และยังให้ประสิทธิภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม ด้วยการตั้งค่าและการควบคุมที่ง่ายดาย นี่จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับความต้องการทุกโซลูชั่นของ การประชุมสมัยใหม่โดยเฉพาะ

บทความโดย : อจ.เดชฤทธิ์ พลเยี่ยม (Bobby Rambo)


หากมีข้อสงสัยประการใดในการเลือกซื้อระบบ Video Conference

สามารถติดต่อได้ที่ บริษัท Musicspace ยินดีให้บริการปรึกษา พร้อมคำแนะนำ ในการเลือกซื้ออุปกรณ์เครื่องเสียง

โทร. 022031821 , 026414744

Read More
โปรแกรม APP ยอดนิยมสำหรับประชุมออนไลน์ผ่าน ระบบ Video C […]

โปรแกรม APP ยอดนิยมสำหรับประชุมออนไลน์ผ่าน ระบบ Video Conference

ปัจจุบันการประชุมติดต่อสื่อสารกันแบบตัวต่อตัว สำหรับบางองค์กรนั้นเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก แม้ว่าการพบปะกันตัวจริงจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าก็ตาม หลายองค์กรมีขนาดใหญ่ แถมมีพนักงานจำนวนมาก บางคนทำงานต่างสถานที่ และอาจอยู่ไกลกัน ทำให้การเดินทางไปมาอาจไม่สะดวกนัก

ด้วยความสามารถของโปรแกรมประชุมออนไลน์ หรือบางคนอาจเรียกว่าโปรแกรมประชุมออนไลน์ผ่าน Video Conference ซึ่งทำให้เราจัดตารางเวลาวาระประชุมได้หยืดหยุ่นขึ้น ไม่จำเป็นต้องมาเจอกันก็ได้

ในตลาดมีโปรแกรมประชุมออนไลน์ ประเภทต่างๆ ให้ท่านเลือกมากมาย แต่จะเลือกโปรแกรมตัวใดนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น บางองค์กรมีพนักงานมาก มีงบประมาณมาก และอาจต้องการคุณสมบัติเฉพาะบางอย่าง ปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีผลต่อการเลือกตัวโปรแกรมประชุมออนไลน์ เพื่อให้สอดคล้องกับโจทย์ที่มี

เราขอนำเสนอรายชื่อโปรแกรมประชุมออนไลน์ เพื่อใช้ประชุมงาน ประชุมเป็นกลุ่ม จำนวน 6 โปรแกรมเพื่อให้ท่านได้ศึกษาว่า โปรแกรมสำหรับประชุมออนไลน์ตัวใด เหมาะสมและตอบโจทย์องค์กรของท่านมากที่สุด

**ด้านล่างของแต่ละหัวข้อ เราได้วางลิงค์โปรแกรมประชุมออนไลน์เพื่อให้ท่านศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม

โปรแกรมประชุมออนไลน์ Zoom

Zoom เป็นโปรแกรมประชุมออนไลน์ ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากมันมีแพ็กเกจให้เลือกมากมาย ตั้งแต่แพ็กเกจฟรี! ไปจนถึงการใช้ที่ต้องจ่ายเงิน นอกจากนี้ จุดเด่นซอฟต์แวร์ Zoom ยังให้ภาพและเสียงคมชัด มันสามารถแชร์หน้าจอภาพของเราให้ผู้ร่วมประชุมมองเห็น หรือคนอื่นจะรีโมทคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ของเราจากระยะไกลก็ได้

จากความสามารถหลายอย่างของซอฟต์แวร์ตัวนี้ ทำให้หลายคนชื่นชอบการประชุมทางออนไลน์ไปเลย หลายคนที่ใช้ Zoom อยู่ เดิมทีพวกเขาเคยใช้โปรแกรมประชุมตัวอื่นมาก่อน แต่พอได้ลองใช้ Zoom แล้ว เขาเหล่านั้นแทบไม่อยากไปใช้โปรแกรมตัวอื่นอีกเลย

Zoom เป็นโปรแกรมประชุมผ่านทางเว็บ เหมาะกับการใช้ประชุมกับลูกค้าหรือผู้ร่วมงานที่อยู่ระยะไกล มีสถาบันการศึกษาหลายแห่งใช้สอนออนไลน์ให้นักศึกษา เพราะใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพ

ตัวโปรแกรมรองรับระบบปฎิบัติการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Windows/MacOS/Linux OS รวมถึง iOS และ Android เรียกว่าใช้งานได้ครอบคลุมทั้งคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนเลยทีเดียว

ในช่วงแรก Zoom มีปัญหาเรื่องความปลอดภัย แต่ภายหลังได้มีการปรับปรุงการเข้ารหัสข้อมูล จึงทำให้ผู้ใช้มั่นใจในเรื่องความปลอดภัยมากขึ้น

ลักษณะเด่นของโปรแกรม Zoom :

  • สามารถแชร์หน้าจอภาพส่วนตัวจากคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ แท็บเล็ตหรืออุปกรณ์โมบายต่างๆ ขึ้นพรีเซ้นต์ได้
  • มีฟังก์ชัน Whiteboard ใช้สำหรับเขียนหรือวาดรูปลงบนหน้าจอ ซึ่งคล้ายกับกระดานจริงๆ
  • รองรับโหมดภาพและเสียงคุณภาพระดับ HD
  • ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการใช้ต่อเดือน
  • เข้ารหัสความปลอดภัยแบบ Secure Socket Layer (SSL)
  • สามารถแชทและส่งข้อความได้ ทั้งแบบส่วนตัวและแบบกลุ่ม
  • สามารถกำหนดตารางวาระประชุมด้วยปลั๊กอินส่วนขยายบนเว็บไซต์บราวเซอร์ Chrome
  • รองรับการบันทึกการประชุม
  • สามารถเข้าประชุมทางโทรศัพท์ได้
  • กำหนดประชุมได้แบบทันทีหรือกำหนดการล่วงหน้า
  • มีระบบซับพอร์ตออนไลน์
  • สร้างห้องประชุมเป็นกลุ่มย่อย ช่วยให้แบ่งวงการประชุมแยกกันได้มากถึง 50 เซสชัน

Zoom มีทั้งแบบบริการฟรีและเสียค่าบริการ ข้อจำกัดแบบฟรีที่เห็นได้ชัดคือ ในการประชุมแต่ละครั้ง ผู้ใช้จะประชุมได้ไม่เกินครั้งละ 40 นาที หากต้องการประชุมต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้ผู้ใช้ต้องสร้างห้องประชุมขึ้นใหม่ แต่ล่าสุดไม่ต้องสร้างห้องใหม่ เพียงออกจากห้องนั้นแล้วกลับเข้าไปห้องเดิม ก็สามารถประชุมกันต่อได้

ในส่วนคุณสมบัติขั้นสูง เช่น การจัดการผู้ใช้งาน, การสร้าง ID เฉพาะของแต่ละผู้ร่วมประชุม, การเข้าร่วมประชุมด้วยการโทรศัพท์ และอื่นๆ ผู้ใช้จะต้องสมัครสมาชิกพรีเมียมเพื่อเสียค่าบริการจึงจะสามารถใช้งาน Zoom ได้เต็มที่ อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่นในตลาดแล้ว พบว่าค่าบริการถูกกว่า

ผู้เข้าร่วมประชุม

Zoom จะจำกัดจำนวนผู้เข้ารวมประชุมต่อครั้ง ตามแพ็กเกจหรือ Plan ที่เราเป็นสมาชิกพรีเมียม ในแต่ละ Plan นั้น ผู้ใช้สามารถขยายจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมได้ ด้วยการซื้อแพ็กเกจเสริม ยกเว้นเวอร์ชั่นฟรี!

การสัมมนาและอีเว้นต์

ในกรณีบริษัทหรือองค์กรของท่านไม่สามารถจัดงานสัมมนาและอีเว้นต์ในสถานที่จริงได้ แต่ Zoom ออกแบบให้สามารถเราดำเนินการสัมมนาผ่านเว็บหรือไลฟ์สดได้

การถ่ายทอดสดแต่ละครั้งผู้รับชมจะเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง ทั้งนี้ยังไม่จำกัดผู้เข้าร่วมสัมมนาและจำนวนผู้รับชมอีกด้วย ในห้องประชุม Zoom สามารถแชร์เนื้อหาจากอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อด้วยสายสัญญาณและไร้สาย รวมทั้งออปชันในการควบคุมตรวจสอบการประชุมออนไลน์จากระยะไกลด้วยอินเทอร์เฟซกลางเพียงตัวเดียว

นอกจากนี้ ท่านยังสามารถใช้ป้ายโฆษณาดิจิตอล/ป้ายประชาสัมพันธ์ (Digital Signage) ร่วมกับ Zoom รวมถึงการกำหนดวาระประชุมออนไลน์เพื่อช่วยปรับปรุงการสื่อสารภายในออฟฟิศ และทำให้จัดตารางวาระประชุมแต่ละครั้งได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

รายละเอียดเพิ่มเติม https://zoom.us/


โปรแกรมประชุมออนไลน์ Microsoft Teams

ด้วยชื่อชั้นของไมโครซอฟต์คนจำนวนมากต่างให้ความไว้วางใจ สำหรับซอฟต์แวร์ Microsoft Teams เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และการทำงานของผู้คนจำนวนมากให้เป็นไปอย่างราบรื่น มันถูกผนวกเข้ากับแอปพลิเคชันออฟฟิศ เช่น Word และ SharePoint (อยู่ใน Office 365)

ตัวโปรแกรมถูกออกแบบให้ผู้ใช้สามารถสื่อสารตอบโต้กันทางไกลได้อย่างยอดเยี่ยม ทางไมโครซอฟต์ยังได้ผนวกตัว Skype for Business ให้สามารถทำงานกับ Microsoft Team ได้อีกด้วย

จุดเด่นของโปรแกรมประชุมออนไลน์ตัวนี้ ยังออกแบบให้รองรับเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ อีกจำนวนมาก อย่างเช่น Slack โปรแกรมใช้แชท ใช้ส่งข้อความในกลุ่มส่วนตัว ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้ครองส่วนแบ่งทางการตลาดพอสมควร

Microsoft Teams เป็นเครื่องมือที่เข้ากับโปรแกรมแชทอื่นๆ ได้ดีตัวหนึ่ง ซึ่งในตลาดก็มีให้เลือกมากมาย แต่ตัวเลือกสำหรับการประชุมออนไลน์นั้น ไมโครซอฟต์อาจเหนือชั้นกว่าในแง่ที่ว่า มันสามารถเปิดประชุมออนไลน์จากแชทของพวกเขาได้โดยตรง

ลักษณะเด่นของโปรแกรม Microsoft Teams :

  • มี Word, Excel และ PowerPoint ให้ (เป็นเวอร์ชันบนเว็บเบราเซอร์)
  • รองรับการจัดเก็บและแชร์ข้อมูลร่วมกันได้
  • สามารถอัพเกรดผู้เข้าร่วมประชุมได้สูงถึง 300 คน
  • มีทีมซับพอร์ตทั้งทางโทรศัพท์และบนเว็บไซต์ 24 ชั่วโมงตลอด 7 วัน

คุณสมบัติหนึ่งที่โดดเด่นที่สุดของ Microsoft Teams คือสามารถเชิญแขกที่ไม่ได้อยู่ใน Azure Active Directory ขององค์กรได้ด้วย นอกจากนี้ Microsoft Teams เวอร์ชันมือถือยังรองรับข้อความเสียง (voicemail) บน Android และ iOS อีกด้วย

หมายเหตุ : Azure Active Directory เป็นบริการรูปแบบหนึ่งที่ใช้ควบคุมการเข้าถึงระบบคลาวด์ เช่น พนักงานขององค์กรจะต้องยืนยันตัวตนก่อนเข้าระบบ เมื่อได้สิทธิ์ในการใช้แอปพลิเคชันต่างๆ บนคลาวด์แล้ว ก็ไม่ต้องยืนยันตัวตนซ้ำซ้อน

รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.microsoft.com/en-us/microsoft-teams/group-chat-software


โปรแกรมประชุมออนไลน์ GoToWebinar

GoToWebinar เป็นแพลตฟอร์มเหมาะสำหรับธุรกิจและผู้ประกอบการรายย่อย ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้ดำเนินการประชุมออนไลน์กับลูกค้า ผู้ร่วมงาน หุ้นส่วนและอื่นๆ ด้วยความสามารถโปรแกรม GoToWebinar นั้นถือว่าครอบคลุมกลุ่มผู้ใช้กว้างมากๆ

โปรแกรมประชุมออนไลน์ตัวนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม สำหรับผู้ที่ต้องการผลิตภัณฑ์ระดับอาชีพ รวมถึงบริษัทหรือองค์กรที่ต้องการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดยการจัดฝึกอบรมสัมมนาผ่านการประชุมทางออนไลน์ และการพูดคุยสื่อสารโต้ตอบกันด้วยเสียง โดยไม่ต้องมาพบปะกัน

ด้วยอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายนั้น ทำให้โปรแกรมตัวนี้ได้รับความนิยมเป็นลำดับต้นๆ ของตลาด โดยตัว GoToWebinar ออกแบบมาเพื่องานสัมมนาออนไลน์ผ่านเว็บโดยเฉพาะ เพื่อบริการผู้คนและบริษัทต่างๆ

ตัวโปรแกรมเซตอัพง่าย ผู้ใช้ไม่ต้องมีความรู้ด้านไอทีก็สามารถใช้งานได้ จากความเรียบง่ายของมันช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถสร้างฐานลูกค้าเป้าหมายด้วยต้นทุนในการจัดการที่ต่ำลง

GoToWebinar สามารถทำงานได้ทั้งบนพีซีและเครื่องแมค ทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมสามารถร่วมสัมมนาผ่านเว็บได้ง่าย และไม่ต้องกังวลเรื่องความต้องการของระบบอุปกรณ์ไอทีเฉพาะทาง

ราคาที่ต้องจ่าย :

GoToWebinar ต่างจาก Zoom คือมีเวอร์ชันฟรี! ให้ใช้งานเพียง 7 วัน หากต้องการใช้งานต่อต้องซื้อแพ็กเกจรายเดือนหรือรายปี ได้แก่ Lite, Standard ,Pro และ Enterprise อย่างไรก็ดี ท่านสามารถอัพเดตข้อมูลเหล่านี้เพิ่มเติมได้ผ่านทางเว็บไซต์ของผู้ให้บริการ

ลักษณะเด่นของโปรแกรม GoToWebinar :

  • มี GotoMeeting, ระบบอีเมล์อัตโนมัติ
  • สามารถสร้างชื่อแบรนด์แบบกำหนดเอง
  • ตอบโต้กับผู้ร่วมประชุมได้, มีมุมมองผู้รับชม
  • ระบบเน็ตเวิร์กมีความปลอดภัย
  • แชร์เดสก์ท็อปและแอปพลิเคชันได้
  • ระบบประชุมทางวิดีโอแบบ HDFaces
  • มีรีพอร์ตข้อมูลและการวิเคราะห์
  • ใช้งาน VoIP, โทรฟรี
  • บันทึกออนไลน์และแบบ Local ได้
  • กำหนด URL ได้เอง, สามารถบันทึกอีเว้นต์
  • มีวิดีโอเอดิเตอร์, รองรับแอพฯมือถือ
  • แชร์วิดีโอได้, ใส่ทรานสคริปต์ได้
  • สามารถตั้ง Pre-record Events บันทึกเหตุการณ์ล่วงหน้า

GoToWebinar ถือเป็นอีกหนึ่งโซลูชันที่ต้องลอง เพราะเป็นโปรแกรมที่ไม่ได้มีไว้ประชุมอย่างเดียว ยังมีไว้สำหรับสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ เช่น การฝึกอบรม การแบ่งปันความรู้ หรือการทำแคมเปญการตลาดที่ต้องการแสดงให้ผู้รับชมเห็นว่าผลิตภัณฑ์ทำงานอย่างไร หรือบริการของท่านมีประโยชน์ต่อพวกเขาอย่างไร

โปรแกรมนี้ถือว่าตอบโจทย์นักการตลาดสมัยใหม่ทุกขั้นตอนไม่ว่าจะเป็น ขั้นตอนการวางแผน การโปรโมทสินค้า การสร้างการมีส่วนร่วม การทำ Conversion เพื่อวัดผลลัพธ์ และการวิเคราะห์เชิงลึกด้วยข้อมูลของผู้เข้าร่วมประชุม

รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.gotomeeting.com/


โปรแกรมประชุมออนไลน์  Skype for Business

สำหรับตัวโปรแกรม Skype for Business เป็นแพ็กเกจที่ถูกรวมไว้ในชุด Microsoft Office 365 คาดว่าหลายคนคุ้นเคยกับโปรแกรมนี้กันดี อย่างไรก็ดี ตัวเวอร์ชันธุรกิจนั้นได้ยกระดับฟีเจอร์บางอย่างซึ่งเหนือกว่าเวอร์ชันฟรี

ลักษณะเด่นของโปรแกรม Skype for Business :

  • ประชุมได้ไม่จำกัด
  • สามารถแชร์หน้าจอได้
  • รองรับการส่งข้อความโต้ตอบแบบทันทีได้ตลอดเวลา
  • มีระบบการรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม
  • รองรับการประชุมที่มีผู้เข้าร่วมสูงสุด 250 คน
  • Skype ยังสามารถผนวกเข้ากับชุดโปรแกรม Microsoft Office เช่น Word, Excel, PowerPoint, OneNote และ Outlook ได้อย่างง่ายดาย

การใช้บริการแพ็กเกจระดับองค์กรหรือ Enterprise จะทำให้โฮสรองรับผู้เข้าร่วมประชุมได้สูงถึง 250 คน ผ่านระบบการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย ไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกดักฟัง กรณีอัพเกรดเป็น Online Plan 2 จะทำให้ใช้งานระบบภาพและเสียงระดับ HD และมีพื้นที่จัดเก็บอีเมล์อีก 50GB และอัพเกรดเพิ่มได้ถึง 1TB รวมถึงมีเจ้าหน้าที่คอยซัพพอร์ตด้านเทคนิค

อย่างไรก็ดี เมื่อเร็วๆ นี้ทางไมโครซอฟต์ได้ประกาศว่าจะยุบ Skype for Business ไปรวมกับซอฟต์แวร์ Microsoft Teams กำหนดการคือหลังกรกฎาคม 2564 ซึ่งผู้ใช้เดิมอาจต้องมองหาโซลูชันใหม่

รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.skype.com/


โปรแกรมประชุมออนไลน์ Cisco Webex

Cisco Webex อีกหนึ่งตัวท็อปของวงการ เป็นโปรแกรมประชุมออนไลน์ที่ยอดเยี่ยม เหมาะสำหรับการใช้ฝึกอบรมออนไลน์, การสัมมนาผ่านเว็บไซต์, การรีโมทซับพอร์ตลูกค้าทางไกล

และยังเหมาะอย่างยิ่งกับธุรกิจหรือองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยเป็นลำดับแรก เพราะโปรแกรมตัวนี้ได้ออกแบบระบบให้สอดคล้องตามกฎหมาย ไม่สอดแนมหรือปล่อยรูโหว่ให้เหล่าร้ายเข้ามาล้วงข้อมูลผู้ใช้งาน

โปรแกรมประชุมออนไลน์ตัวนี้มีคุณสมบัติคือใช้การเข้ารหัสแบบ Transport Layer Security (TLS) ซึ่งเป็นโพรโตคอลหนึ่งที่มีความปลอดภัยสูง มันถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ระบบอีเมล์ของ Gmail ของกูเกิลก็ใช้งานโพรโตคอลนี้เช่นกัน

Cisco Webex ยังได้ผนวกรวมกับ Outlook และสามารถทำงานข้ามแพลตฟอร์มได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแมค วินโดวส์ และ iPad ยิ่งกว่านั้น Cisco Webex ยังเป็นส่วนหนึ่งของระบบโซลูชันที่มีการทำงานจากระยะไกล ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มฟังก์ชันเฉพาะทาง เพื่อให้การฝึกอบรม การบริการซัพพอร์ตลูกค้าทางไกล หรือการสัมมนาออนไลน์ผ่านเว็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ลักษณะเด่นของโปรแกรม Cisco Webex :

  • สามารถแชร์หน้าจอได้
  • แสดงภาพวิดีโอด้วยความละเอียดสูง
  • ประชุมได้ไม่จำกัดจำนวนคน
  • รองรับการบันทึกและจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ (ข้อจำกัดอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ Plan หรือแพ็กเกจที่ใช้บริการ)
  • มีบริการซัพพอร์ตทางโทรศัพท์ในเวลาทำการ สำหรับ Plan ราคาถูก และบริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันหากเลือก Plan ราคาที่สูงกว่า

ผู้เข้าร่วมประชุม

Cisco Webex มีแพ็กเกจให้ใช้งานฟรี แต่การประชุมทางออนไลน์นั้นมีข้อจำกัดบางประการ โดยอนุญาตให้มีผู้เข้าร่วมประชุมครั้งละไม่เกิน 2 คนเท่านั้น ส่วนแพ็กเกจจ่ายเงินจะอนุญาตให้มีผู้เข้าร่วมประชุมระหว่าง 50 ถึง 1,000 คน ทั้งนี้จำนวนผู้เข้าร่วมประชุมจะได้มากน้อยขึ้นอยู่กับว่าท่านเลือกแพ็กเกจใด

รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.webex.com/


โปรแกรมประชุมออนไลน์ Google Meet

โปรแกรมประชุมออนไลน์อีกตัวหนึ่งที่น่าจับตาคือ Google Meet เป็นผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งของกูเกิล ซึ่งปัจจุบันทุกคนใช้งานได้ฟรี มันถูกออกแบบมาเพื่อบริการการประชุมออนไลน์ในเชิงธุรกิจ มีระบบความปลอดภัยที่ดี ทุกคนสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องจ่ายเงิน

ราคาที่ต้องจ่าย

Google Workspace Essentials เป็นแพ็กเกจเริ่มต้น โดยทางกูเกิลจะคิดค่าบริการต่อหัวเริ่มต้น 8 ดอลล่าร์ต่อเดือน จ่ายเท่าที่มีคนใช้งานจริง แพ็กเกจนี้สามารถประชุมได้ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง รองรับผู้เข้าร่วมประชุมสูงสุดครั้งละ 150 คน และไม่จำกัดจำนวนวาระประชุม มีบริการจากฝ่ายเทคนิคทางออนไลน์ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ให้พื้นที่เก็บข้อมูลกูเกิลไดรฟ์ 100GB ต่อคน (รวมกันไม่เกิน 2TB) เหมาะกับธุรกิจเอสเอ็มอี

Google Workspace Enterprise เป็นแพ็กเกจสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ สำหรับราคาต้องติดต่อฝ่ายขายเพื่อขอข้อมูลราคา แพ็กเกจนี้รองรับการประชุมออนไลน์ได้สูงสุด 250 คน อะไรที่ Google Workspace Essentials ทำได้ แพ็กเกจนี้ทำได้หมด สำหรับสิ่งที่ได้มาเพิ่มคือ มีลูกเล่นใช้ลดเสียงรบกวนอัจฉริยะ รองรับผู้ชมสูงสุด 1 แสนคน มีระบบความปลอดภัยรัดกุมแน่นหนากว่ามาก ให้พื้นที่เก็บข้อมูล Google ไดรฟ์ไม่จำกัด

ลักษณะเด่นของโปรแกรม Google Meet :

  • มีความปลอดภัยสูง
  • ประชุมได้ทุกที่
  • รับผู้ชมได้สูงสุด 100,000 คน
  • ประชุมออนไลน์ได้สูงสุด 250 คน
  • มีบริการฟรี!
  • รองรับองค์กรทุกขนาด
  • ประชุมได้ทุกอุปกรณ์
  • มีระบบ AI ปรับลดคุณภาพภาพและเสียง

เมื่อพิจารณาจากฟีเจอร์ของโปรแกรม Google Meet แล้ว พบว่าน่าใช้งาน คาดว่าในอนาคตจะเป็นคู่แข่งที่สำคัญของค่ายอื่นๆ เพราะมีลูกเล่นหลายอย่าง อาทิ มีระบบจัดตารางวาระประชุมออนไลน์แบบง่ายๆ สามารถแชร์หน้าจอเพื่อนำเสนอเอกสาร สไลด์หรือหน้าต่างโปรแกรมอื่นๆ ที่อยู่บนคอมพิวเตอร์/มือถือ

โปรแกรม Google Meet รองรับการประชุมออนไลน์ขนาดใหญ่ซึ่งทำได้สูงสุด 250 คนในคราวเดียว สามารถเข้าร่วมประชุมจากโทรศัพท์ได้ หมายถึงการเข้าร่วมแบบวิดีโอคอลนั่นเอง หรือจะคอลเฉพาะเสียงก็ได้ สามารถควบคุมวาระการประชุมได้ดังใจ สามารถประชุมออนไลน์ภายในองค์กรด้วยการไลฟ์สดผ่านโดเมนเดียวกัน โดยพนักงานสามารถรับชมได้พร้อมกันสูงสุด 1 แสนคน!

ปัจจุบันองค์กรระดับโลกอย่าง แอร์บัส (Airbus), คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ (Colgate-Palmolive), ทวิตเตอร์, เวิร์ลพูล และอีกหลายแห่ง เลือกใช้โปรแกรมประชุมออนไลน์ Google Meet

รายละเอียดเพิ่มเติม https://apps.google.com/intl/en/intl/th_ALL/meet/


ข้อสรุป

แม้ผู้ใช้จะมีทางเลือกมากมาย จนหลายคนตั้งคำถามว่า “เลือกตัวไหนดี” เรามีเคล็ดลับบางประการน่าจะเป็นประโยชน์ที่ควรนำไปพิจารณาในการประเมินงบประมาณและความต้องการของท่าน โดยมีข้อสรุปดังนี้

  1. หากมีแผนการประชุมทางวิดีโอบ่อยๆ ควรเลือกจ่ายเงินครั้งเดียวเป็นรายปีจะถูกกว่าการทยอยจ่ายแบบเดือนต่อเดือน
  2. บางแพ็กเกจจะคิดค่าบริการต่อหัว ตรวจสอบให้แน่ใจว่าจำนวนที่จะใช้จริงเป็นไปตามที่ต้องการหรือไม่
  3. กรณีโปรแกรมใดไม่มีบริการให้ทดลองใช้งานฟรีหรือรุ่นให้ใช้ฟรี ควรขอให้เขาสาธิตระบบให้ดูก่อนค่อยตัดสินใจซื้อบริการ

**สรุปอันดับโปรแกรมประชุมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากมากไปน้อยคือ

  1. Zoom
  2. Cisco Webex
  3. GoToWebinar หรือ GotoMeeting
  4. Skype of Business
  5. Microsoft Teams
  6. Google Meet

บทความโดย : อจ.เดชฤทธิ์ พลเยี่ยม (Bobby Rambo)


หากมีข้อสงสัยประการใดในการเลือกซื้อระบบ Video Conference

สามารถขอคำปรึกษาติดต่อมาที่ บริษัท Musicspace ยินดีให้บริการปรึกษา พร้อมคำแนะนำ ในการเลือกซื้ออุปกรณ์เครื่องเสียง

โทร. 022031821 , 026414744

Read More
โทรโข่ง มาแล้วจร้า….. “ปัจจุบันเสียงพูดคนเรานั้นส […]

โทรโข่ง มาแล้วจร้า…..

“ปัจจุบันเสียงพูดคนเรานั้นสามารถส่งผ่านโทรโข่งได้ไกลถึง 800 เมตร ส่วนเสียงของไซเรน/นกหวีดส่งได้ไกลถึง 1 กิโลเมตร”

โทรโข่งหรือ Megaphone เป็นอุปกรณ์ขยายเสียงพูด เสียงร้อง เพื่อส่งไปยังทิศทางที่เราต้องการ มีลักษณะรูปร่างคล้ายกรวยจราจร หรือลำโพงฮอร์น รวมถึงเครื่องดนตรีประเภททรัมเป็ต

ปกติเสียงพูดจากปากเปล่าของคนจะกระจายรอบทิศทางในลักษณะ Omnidirectional เหมือนย่านความถี่ต่ำ หากนำมือสองข้างมาป้องปากแล้วตะโกน เสียงนั้นจะพุ่งไปข้างหน้าแบบมีทิศทางและได้เสียงที่ดังกว่าการตะโกนด้วยปากเปล่า ทำให้ผู้ฟังที่อยู่ในระยะไกลสามารถได้ยินเสียงนั้นชัดเจนขึ้น เพราะคลื่นเสียงจะเกิดการแทรกสอดกันทำให้เสียงดังมากขึ้น

โทรโข่งโดยทั่วไปมี 2 แบบ

  • แบบอะคูสติก
  • แบบอิเล็กทรอนิกส์

โทรโข่งแบบอะคูสติกจะขยายเสียงโดยธรรมชาติ ราคาไม่แพง ไม่มีวงจรอิเล็กทรอนิกส์มาเกี่ยวข้อง แต่อัตราการขยายเสียงจะต่ำกว่า

ส่วนโทรโข่งแบบอิเล็กทรอนิกส์ประกอบไมโครโฟน ตัวลำโพง วงจรภาคขยายเสียงและแบตเตอรี่ทำหน้าที่จ่ายไฟให้ภาคขยาย ไมโครโฟนจะทำหน้าที่รับสัญญาณเสียงจากผู้พูดเพื่อแปลงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า จากนั้นสัญญาณดังกล่าวจะถูกขยายเป็นสัญญาณทางไฟฟ้าให้มีขนาดใหญ่ขึ้นด้วยวงจรภาคขยาย ขั้นสุดท้ายตัวดอกลำโพงจะทำหน้าที่แปลงสัญญาณไฟฟ้านั้นกลับมาเป็นสัญญาณเสียงที่คนเราสามารถได้ยินด้วยหู

ในการสื่อสารด้วยเสียง คลื่นเสียงที่ออกจากดอกลำโพงหากความดังไม่เพียงพอที่เราต้องการ เราสามารถใช้โทรโข่งมาช่วยขยายเสียงนั้นได้โดยนำดอกลำโพงมาประกบกับด้านหลังโทรโข่ง เพื่อเพิ่มอัตราการขยายเสียงให้สูงขึ้นได้

โทรโข่งสามารถใช้มือจับแล้วพูด (แบบถือ) บางรุ่นสามารถห้อยแนบกับลำตัว (แบบสะพายไหล่) บางรุ่นใช้ติดตั้งบนรถ หรือที่สูงได้ โดยหันปากของโทรโข่งไปยังทิศทางที่ต้องการ ซึ่งจะช่วยให้เรากระจายเสียงออกไประยะไกลๆ ได้

เลือกโทรโข่งอย่างไร

แนวทางการเลือกโทรโข่งแบบอิเล็กทรอนิกส์มีดังนี้

1. พิจารณาระยะทางที่ต้องการส่งเสียง ปัจจุบันในท้องตลาดมีให้เลือกหลายรุ่น หลายยี่ห้อ บางรุ่นส่งเสียงได้ตั้งแต่ระยะ 10-20 เมตร บางรุ่นส่งเสียงได้ถึง 100 เมตร หรือไกลกว่านั้น หากต้องการส่งเสียงในระยะไกลมากๆ จำเป็นต้องเลือกรุ่นที่ส่งเสียงได้ไกลๆ ซึ่งมักจะราคาสูงกว่ารุ่นที่ส่งเสียงได้ในระยะใกล้ๆ

2. กำลังขยาย มีหน่วยเป็นวัตต์ (Watt) ซึ่งเป็นค่าที่แปลผันตรงกับระยะส่งเสียงของโทรโข่ง เช่น กำลังขับ 4 วัตต์จะขยายให้เสียงดังไกลราว 100 เมตร แต่หากเลือกรุ่นกำลังขยาย 40 วัตต์ อาจส่งเสียงได้ไกลถึง 1000 เมตรเลยทีเดียว

3. ถ่านแบตเตอรี่ โทรโข่งบางรุ่นใช้ถ่านขนาด AA หรือขนาด C, D แบบธรรมดาใช้แล้วทิ้ง บางรุ่นใช้ถ่านชาร์จได้ เช่น ถ่านขนาด AA 8 ก้อนอาจจะใช้กับวงจรขยาย 10 วัตต์ได้ หรือขนาด D จำนวน 10 ก้อนเพื่อใช้กับวงจรขยาย 40 วัตต์

4. ชั่วโมงการใช้งาน เราต้องคำนึงระยะเวลาที่จะใช้งานโทรโข่งแบบต่อเนื่องโดยไม่ต้องเปลี่ยนถ่านแบตเตอรี่ เช่น ต้องการใช้ต่อเนื่อง 10 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น ซึ่งสเป็คของโทรโข่งแต่ละรุ่นมักจะระบุไว้ให้ทราบ

5. ลูกเล่นอื่นๆ โทรโข่งบางรุ่นสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกได้ เช่นไมโครโฟนแบบสาย ช่องต่อสัญญาณเสียงแบบ AUX Input หรือต่อกับอะแด็ปเตอร์ไฟ DC ได้ บางรุ่นมีขาตั้งขายแยกต่างหาก ทั้งนี้ให้พิจารณาตามต้องความการของผู้ใช้เอง

รู้จักโทรโข่ง TOA

TOA Corporation เป็นบริษัทผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จากประเทศญี่ปุ่น โดยบริษัทดังกล่าวจดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้น ก่อตั้งมา 71 ปี ผลิตสินค้าหลายอย่าง เช่น อุปกรณ์ลำโพงเสียงตามสาย อินเตอร์คอม ไมโครโฟน และโทรโข่ง สำหรับโทรโข่งที่ผลิตออกจำหน่ายมีดังนี้

โทรโข่งมือถือแบบกันน้ำ (Splash-proof Hand Grip Type Megaphones)

TOA ER-1203

เป็นโทรโข่งมือถือแบบกันน้ำ ใช้สำหรับงานพูดหรือประกาศ กำลังขยาย 4 วัตต์ ใช้ถ่าน AA จำนวน 4 ก้อน ใช้งานได้นาน 8 ชั่วโมง สามารถส่งเสียงได้ระยะไกล 125 เมตร ปากโทรโข่งเป็นแบบใส ด้ามจับสีเทา กันน้ำค่า IP-X5 ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ตอบสนองความถี่ได้กว้าง แม่เหล็กลำโพงแบบนีโอไดเมียม มีความแข็งแรงทนทาน

TOA ER-1206

เป็นโทรโข่งสำหรับงานพูดหรือประกาศ มีกำลังขยาย 10 วัตต์ ใช้ถ่าน AA จำนวน 6 ก้อน ใช้งานได้นาน 8 ชั่วโมง สามารถส่งเสียงได้ไกล 150 เมตร ปากโทรโข่งเป็นแบบใส ด้ามจับสีเทา กันน้ำค่า IP-X5 ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ตอบสนองความถี่ได้กว้าง แม่เหล็กลำโพงแบบนีโอไดเมียม มีความแข็งแรงทนทาน

TOA ER-1206W พร้อมเสียงนกหวีด

เป็นโทรโข่งสำหรับพูดหรือประกาศใช้ถ่าน AA 6 ก้อน ส่งเสียงพูดได้ไกล 150 เมตร เสียงนกหวีดยิงไกลได้ถึง 315 เมตร ปากโทรโข่งเป็นแบบใส กันน้ำ IP-X5 ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ตอบสนองความถี่ได้กว้าง แม่เหล็กลำโพงแบบนีโอไดเมียม มีความแข็งแรงทนทาน

TOA ER-1206S พร้อมเสียงไซเรน

เป็นโทรโข่งมือถือกันน้ำพร้อมเสียงไซเรน ใช้สำหรับงานพูดหรือประกาศ มีกำลังขยาย 10 วัตต์ ใช้ถ่าน AA จำนวน 6 ก้อน ใช้งานได้นาน 8 ชั่วโมง สามารถส่งเสียงได้ไกล 150 เมตร เสียงไซเรน ยิงไกลถึง 315 เมตร ตอบสนองความถี่ได้กว้าง แม่เหล็กลำโพงแบบนีโอไดเมียม มีความแข็งแรงทนทาน

โทรโข่งแบบมือถือ (Hand Grip Type Megaphones)

TOA ER-520

เป็นโทรโข่งมือถือสำหรับงานพูดหรือประกาศ มีกำลังขยาย 10 วัตต์ ใช้ถ่าน AA จำนวน 8 ก้อน ใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมง ส่งเสียงได้ไกล 250 เมตร มีน้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด ตอบสนองความถี่ได้กว้าง แม่เหล็กลำโพงแบบนีโอไดเมียม มีความแข็งแรงทนทาน

TOA ER-520W พร้อมเสียงนกหวีด

โทรโข่งมือถือพร้อมเสียงนกหวีด ใช้สำหรับงานพูดหรือประกาศ มีกำลังขยาย 10 วัตต์ ใช้ถ่าน AA จำนวน 8 ก้อน ใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมง ส่งเสียงได้ไกล 250 เมตร เสียงนกหวีดยิงไกล 315 เมตร มีน้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด ตอบสนองความถี่ได้กว้าง แม่เหล็กลำโพงแบบนีโอไดเมียม มีความแข็งแรงทนทาน

TOA ER-520S พร้อมเสียงไซเรน

เป็นโทรโข่งมือถือพร้อมเสียงไซเรน ใช้สำหรับงานพูดหรือประกาศ มีกำลังขยาย 10 วัตต์ ใช้ถ่าน AA จำนวน 8 ก้อน ใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมง ส่งเสียงได้ไกล 250 เมตร เสียงไซเรนยิงไกล 315 เมตร มีน้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด ตอบสนองความถี่ได้กว้าง แม่เหล็กลำโพงแบบนีโอไดเมียม มีความแข็งแรงทนทาน

TOA ER-1215

เป็นโทรโข่งมือถือ ใช้สำหรับงานพูดหรือประกาศ มีกำลังขยาย 23 วัตต์ ใช้ถ่านขนาด C จำนวน 6 ก้อน ใช้งานได้นานถึง 14 ชั่วโมง ส่งเสียงได้ไกล 315 เมตร มีน้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด ตอบสนองความถี่ได้กว้าง แม่เหล็กลำโพงแบบนีโอไดเมียม มีความแข็งแรงทนทาน

TOA ER-1215S พร้อมเสียงไซเรน

โทรโข่งมือถือพร้อมเสียงไซเรน ใช้สำหรับงานพูดหรือประกาศ มีกำลังขยาย 23 วัตต์ ใช้ถ่านขนาด C จำนวน 6 ก้อน ใช้งานได้นานถึง 14 ชั่วโมง ส่งเสียงได้ไกล 315 เมตร ส่งเสียงไซเรนได้ไกล 500 เมตร มีน้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด ตอบสนองความถี่ได้กว้าง แม่เหล็กลำโพงแบบนีโอไดเมียม มีความแข็งแรงทนทาน

โทรโข่งมือถือแบบสะพายไหล่ (Shoulder Type Megaphone)

TOA ER-3215

โทรโข่งแบบมือถือพร้อมไมโครโฟน เป็นโทรโข่งใช้สำหรับพูดหรือประกาศ ใช้ถ่านขนาด C จำนวน 6 ก้อน ส่งเสียงพูดได้ไกล 400 เมตร ใช้งานได้นาน 9 ชั่วโมง กำลังขับ 23 วัตต์ มีน้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด ตอบสนองความถี่ได้กว้าง แม่เหล็กลำโพงแบบนีโอไดเมียม มีความแข็งแรงทนทาน

TOA ER3215S AS พร้อมเสียงไซเรน

โทรโข่งชนิดสะพายพร้อมเสียงไซเรน เป็นโทรโข่งใช้สำหรับพูดหรือประกาศ ใช้ถ่านขนาด C จำนวน 6 ก้อน ส่งเสียงพูดได้ไกล 400 เมตร เสียงไซเรนยิงไกลได้ถึง 500 เมตร ใช้งานได้นาน 9 ชั่วโมง กำลังขับ 23 วัตต์  มีน้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด ตอบสนองความถี่ได้กว้าง แม่เหล็กลำโพงแบบนีโอไดเมียม มีความแข็งแรงทนทาน

TOA ER2215

โทรโข่งสะพายพร้อมไมโครโฟน เป็นโทรโข่งใช้สำหรับงานพูดหรือประกาศ ใช้ถ่านขนาด C จำนวน 6 ก้อน ส่งเสียงพูดได้ไกล 400 เมตร ใช้งานได้นาน 9 ชั่วโมง กำลังขับ 23 วัตต์ มีน้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด ตอบสนองความถี่ได้กว้าง แม่เหล็กลำโพงแบบนีโอไดเมียม มีความแข็งแรงทนทาน

TOA ER2215W พร้อมเสียงนกหวีด

โทรโข่งสะพายพร้อมไมโครโฟนแบบมีเสียงนกหวีด  เป็นโทรโข่งใช้สำหรับพูดหรือประกาศ ใช้ถ่านขนาด C จำนวน 6 ก้อน ส่งเสียงพูดได้ไกล 400 เมตร เสียงนกหวีดยิงไกลได้ถึง 500 เมตร ใช้งานได้นาน 9 ชั่วโมง กำลังขับ 23 วัตต์ มีน้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด ตอบสนองความถี่ได้กว้าง แม่เหล็กลำโพงแบบนีโอไดเมียม มีความแข็งแรงทนทาน

TOA ER2215S AS พร้อมเสียงไซเรน

โทรโข่งแบบสะพายพร้อมไมค์และเสียงไซเรน เป็นโทรโข่งสำหรับพูดหรือประกาศ ใช้ถ่านขนาด C จำนวน 6 ก้อน ส่งเสียงพูดได้ไกล 400 เมตร เสียงไซเรนยิงไกลได้ถึง 500 เมตร ใช้งานได้นาน 9 ชั่วโมง กำลังขับ 23 วัตต์

TOA ER2230W พร้อมเสียงนกหวีด

โทรโข่งสะพายพร้อมไมโครโฟนแบบมีเสียงนกหวีด เป็นโทรโข่งใช้สำหรับพูดหรือประกาศใช้ถ่าน D จำนวน 10 ก้อน ส่งเสียงพูดได้ไกล 800 เมตร เสียงนกหวีดยิงไกลได้ถึง 1000 เมตร หรือ 1 กิโลเมตร ใช้งานได้นาน 17 ชั่วโมง กำลังขยาย 45 วัตต์

มีน้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด ตอบสนองความถี่ได้กว้าง แม่เหล็กลำโพงแบบนีโอไดเมียม มีความแข็งแรงทนทาน ต่อกับไดนามิกไมโครโฟนภายนอกได้ มีช่องต่อ Aux Input แบบสเตอริโอสำหรับนำเสียงจากมือถือหรือเครื่องเล่นจากภายนอก พร้อมไฟ LED บอกสถานะแบตเตอรี่

TOA ER-2930W พร้อมเสียงนกหวีด

โทรโข่งแบบสะพายพร้อมไมโครโฟนและเสียงนกหวีด เป็นโทรโข่งใช้สำหรับพูดหรือประกาศ,ใช้ถ่านขนาด D จำนวน 10 ก้อน ใช้งานได้นาน 17 ชั่วโมง ส่งเสียงพูดได้ไกล 800 เมตร เสียงนกหวีดยิงไกล 1000 เมตร

กำลังขยาย 45 วัตต์ มีภาครับคลื่นความถี่ UHF/VHF สามารถกำเนิดย่านความถี่เสียง 1.6kHz ถึง 2.4kHz รองรับอะแด็ปเตอร์ขนาด 12 VDC (ออปชัน ต่อกับไดนามิกไมโครโฟนภายนอกด้วยแจ็ค 1/4 นิ้วได้ มีช่องต่อ Aux Input แบบสเตอริโอสำหรับนำเสียงจากมือถือหรือเครื่องเล่นจากภายนอก มีไฟ LED แจ้งเตือนเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด ใช้กับขาตั้งได้ (ตัวเสริม)

TOA ER-604W พร้อมเสียงนกหวีด

โทรโข่งแบบสะพายพร้อมไมโครโฟนและเสียงนกหวีด เป็นโทรโข่งสำหรับพูดหรือประกาศใช้ถ่านขนาด AA จำนวน 8 ก้อน หรืออะแด็ปเตอร์ ใช้งานได้นาน 10 ชั่วโมง ส่งเสียงพูดได้ไกล 160 เมตร กำลังขยาย 10 วัตต์ มีช่อง MIC 2 ช่อง และ Aux 1 ช่อง ใช้งานร่วมกับ WH-400A ไมโครโฟนแบบครอบศีรษะได้

TOA ER-1000

เครื่องขยายเสียงเคลื่อนที่แบบคาดเอวพร้อมไมค์เกี่ยวหู ใช้ถ่านขนาด AA 6 ก้อน สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นาน 4.5 ชั่วโมง ส่งเสียงได้ไกลถึง 40 เมตร มีช่อง MIC 1 ช่อง พร้อมไมโครโฟนแบบเกี่ยวหู และ Aux 1 ช่อง

สรุป

โทรโข่งของ TOA มีให้เลือก 3 แบบ คือ

  • โทรโข่งมือถือแบบกันน้ำ (Splash-proof Hand Grip Type Megaphones)
  • โทรโข่งมือถือ (Hand Grip Type Megaphones)
  • โทรโข่งสะพายไหล่ (Shoulder Type Megaphone)

**ถ้าต้องการโทรโข่งมือถือแบบกันน้ำ ให้เลือกรุ่น TOA ER-1203, TOA ER-1206, TOA ER-1206W และ TOA ER-1206S กลุ่มนี้สามารถส่งเสียงได้ระยะตั้งแต่ 125-150 เมตร กรณีเสียงไซเรนจะยิงได้ไกลถึง 315 เมตร ใช้ถ่านขนาด AA จำนวน 4-6 ก้อน สามารถใช้งานได้นาน 8 ชั่วโมง

**ถ้าต้องการโทรโข่งมือถือ (ธรรมดา) ให้เลือกรุ่น TOA ER-520, TOA ER-520W, TOA ER-520S, TOA ER-1215 และ TOA ER-1215S กลุ่มนี้สามารถส่งเสียงได้ระยะตั้งแต่ 250-315 เมตร กรณีเสียงไซเรน/นกหวีดจะยิงได้ไกลถึง 500 เมตร ใช้ถ่านขนาด AA จำนวน 6-8 ก้อน สามารถใช้งานได้นาน 10-14 ชั่วโมง

**ถ้าต้องการโทรโข่งสะพายไหล่ ให้เลือกรุ่น TOA ER-3215, TOA ER3215S AS, TOA ER2215W, TOA ER2230W, TOA ER-2930W, TOA ER2215S AS,  TOA ER-604W และ TOA ER-1000 กลุ่มนี้สามารถส่งเสียงได้ระยะตั้งแต่ 40-800 เมตร กรณีเสียงไซเรน/นกหวีดจะยิงได้ไกลถึง 1000 เมตร ใช้ถ่านขนาด AA 6-8 ก้อน บางรุ่นใช้ถ่านขนาด C, D จำนวน 6-10 ก้อน สามารถใช้งานได้นาน 4.5-17 ชั่วโมง

“การเลือกโทรโข่งควรเลือกตามวัตถุประสงค์ในการใช้งาน สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาเพื่อประกอบการตัดสินใจคือระยะการส่งเสียง ชั่วโมงการใช้งาน จำนวนแบตเตอรี่ และตามด้วยกำลังขยาย”

บทความโดย : อจ.เดชฤทธิ์ พลเยี่ยม (Bobby Rambo)


หากมีข้อสงสัยประการใดในการเลือกซื้อ โทรโข่ง ชุดเครื่องเสียงเคลื่อนที่ ระบบเสียง
สามารถขอคำปรึกษาติดต่อมาที่  บริษัท Musicspace 

ยินดีให้บริการปรึกษา พร้อมคำแนะนำ ในการเลือกซื้ออุปกรณ์เครื่องเสียง
โทร. 022031821 , 0863114142

Read More
หากกล่าวถึงระบบประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (Video Conference) […]

หากกล่าวถึงระบบประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (Video Conference) ทุกวันนี้เริ่มมีความจำเป็นต่อองค์กรต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสามารถสื่อสาร พูดคุยกับทีมงานในระยะไกลได้ เสมือนว่าคู่สนทนา มีการพูดคุยกันต่อหน้าเลยทีเดียว เนื่องจากระบบความเร็วของอินเตอร์เน็ตเอื้อให้การสื่อสารลักษณะนี้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้คืออุปกรณ์ชุดประชุมต่างๆ ที่จะต้องถูกติดตั้งภายในห้องประชุม เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานของห้องเหล่านั้น

บทความนี้จะมาแนะนำอุปกรณ์คอนเฟอเรนซิ่งซาวด์บาร์ที่ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูง แต่ราคาไม่สูง สามารถติดตั้งในห้องประชุมได้หลากหลายชนิด เช่น ห้อง Presentation ห้องขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง ห้องเรียน หรือห้อง Huddle Room รวมถึงการแนะนำอุปกรณ์รับส่งภาพและเสียงชนิดไร้สายอีกด้วย

“เราขอแนะนำชุดอุปกรณ์สำหรับการประชุม Video Conference แบบง่ายๆ ที่อัดแน่นด้วยคุณภาพ ในราคาโปรโมชันพิเศษ”

ชุดที่ 1 YAMAHA Pack

ราคาพิเศษ 79,000 (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าบริการ Set-Up และติดตั้ง)

ในชุดประกอบด้วย:

  • YAMAHA CS700AV วิดีโอซาวด์บาร์ (มีไมโครโฟน, กล้อง, พร้อมลำโพง) 1 เครื่อง
  • KRAMER VIA Go (อุปกรณ์รับ-ส่งสัญญาณภาพและเสียงแบบไร้สาย) 1 ตัว
  • KRAMER VIA Pad (อุปกรณ์ต่อพ่วง เพื่อรับส่งสัญญาณภาพ เสียง สำหรับผู้ใช้งานที่ไม่ต้องการลง software บน PC)

ชุดที่ 2 AMX Pack

ราคาพิเศษ 69,000 (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าบริการ Set-Up และติดตั้ง)

ในชุดประกอบด้วย:

  • AMX ACV5100 Acendo Vibe วิดีโอซาวด์บาร์ (ไมโครโฟน, กล้อง, พร้อมลำโพง) 1 เครื่อง
  • KRAMER VIA Go (อุปกรณ์รับ-ส่งสัญญาณภาพและเสียงแบบไร้สาย) 1 ตัว
  • KRAMER VIA Pad (อุปกรณ์ต่อพ่วง เพื่อรับส่งสัญญาณภาพ เสียง สำหรับผู้ใช้งานที่ไม่ต้องการลง software บน PC)

ชุดที่3 GYGAR CG-C200 Conference Kit (ชุดประหยัด)

ราคาพิเศษ 45,900 (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าบริการ Set-Up และติดตั้ง)

ในชุดประกอบด้วย:

  • ชุดไมโครโฟนรอบทิศทางพร้อมลำโพงในตัว 1 เครื่อง
  • กล้องความละเอียดสูงสุดในระดับ Full HD 1 ตัว
  • เครื่องกระจายสัญญาน HUB แบบ USB 1 ตัว

หมายเหตุ :

  • ลูกค้าต้องมีคอมพิวเตอร์หรือ Notebook 1 เครื่อง
  • ในส่วนของ Software สำหรับการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ อาทิเช่น SKYPE, ZOOM, MEET ทางลูกค้าสามารถ Download แบบฟรีหรือแบบ License ขึ้นอยู่กับทางลูกค้า
  • ราคาค่าบริการ Set-Up และติดตั้งเป็นราคาเฉพาะกรุงเทพมหานคร (ไม่รวมอุปกรณ์เพิ่มเติมอื่นๆนอกเหนืกจากในชุดโปรโมชั่น)

รู้จักอุปกรณ์และรายละเอียด

สำหรับอุปกรณ์คอนเฟอเรนซิ่งซาวด์บาร์ชุดที่ 1 และ 2 นั้น ถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูง แต่ราคาไม่แพง เหมาะกับองค์กรที่มีงบจำกัด สามารถติดตั้งในห้องประชุมได้หลากหลายชนิด เช่น ห้อง Presentation ห้องขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง ห้องเรียน หรือห้อง Huddle Room รวมถึงการแนะนำอุปกรณ์รับส่งภาพและเสียงชนิดไร้สายอีกด้วย

Yamaha CS-700 AV (วิดีโอซาวด์บาร์)

CS-700AV เป็นวิดีโอซาวด์บาร์คุณภาพสูง ออกแบบมาเพื่อใช้กับห้องประชุม Huddle Room สามารถใช้ประชุมทางไกล ให้ภาพคมชัดระดับ Full HD มีระบบเสียงที่ดี ช่วยให้การสื่อสารได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ มุมกล้องรับภาพกว้างถึง 120 องศา มีระบบรับเสียงแบบอัจริยะ ผ่านไมโครโฟนอาร์เรย์ ตรวจจับทิศทางเสียงของผู้พูดภายในห้องประชุมแบบอัตโนมัติ พร้อมลำโพงในตัวถึง 4 จุด รวมถึงมีระบบตัดเสียงสะท้อน (Echo) ในตัวอีกด้วย CS-700aAV สามารถทำงานร่วมกับระบบปฎิบัติการ Windows, Mac, Google Play Store ได้

Huddle Room คือห้องประชุมขนาดเล็ก ที่มีผู้ร่วมประชุมประมาณ 5 คน พบปะกันแบบง่ายๆ และใช้เวลาอย่างรวดเร็ว ห้อง Huddle Room โดยทั่วไปประกอบด้วยอุปกรณ์เหล่านี้ กล้องวิดีโอคอนเฟอเร้นซ์ จอทีวี LCD, LED โต๊ะขนาดเล็กที่วางอยู่ตรงกลาง พร้อมเก้าอี้ และอาจมีกระดานไวท์บอร์ดด้วย

สำรวจอุปกรณ์ CS-700

ตัว CS-700 มีส่วนประกอบหลักคือ ชุดลำโพง 4 จุด มีไมค์รับเสียง 4 ชุด กล้องรับภาพ 120 องศา แบบ HD ด้านหน้าเครื่องมีปุ่มควบคุมความดังสามารถกดเพิ่มหรือลดความดังได้ พร้อมกับปุ่มปิดไมค์ ปิดกล้อง ปุ่มบลูทูธ  NFC บลูทูธ และไฟแสดงสถานะการทำงานของเครื่อง

ตัว CS-700 ออกแบบฟังก์ชันการใช้งานพื้นฐานที่จำเป็นมาให้ครบถ้วน อย่างเช่นตัวโวลุ่มควบคุมเสียง ผู้ใช้สามารถเร่งความดังขึ้นหรือลดให้เบาลงได้ รวมถึงไมค์ก็สามารถสั่ง Mute ด้วยปุ่ม mute/unmute แต่เงื่อนไขคือขณะนั้นไมค์จะต้องถูก activate แล้ว บนตัวสวิตซ์โวลุ่มจะมี LED แสดงสถานะการทำงาน หากเป็นสีขาวแสดงว่าโวลุ่มถูกเปิดใช้งาน แต่หากไฟถูกปิดแสดงว่าโวลุ่มปิดการทำงาน ส่วนไมค์ถ้าโชว์สีเขียวแสดงว่าไมค์เปิดใช้งานแล้วแต่เปิดรับเสียงไว้ปกติ กรณีโชว์สีแดงหมายถึงไมค์เปิดใช้งานแต่มีการปิดรับเสียง และกรณีไม่มีไฟสว่างเลย หมายถึงไมค์ถูกปิดการใช้งาน

กล้องก็คล้ายกับไมค์แต่สถานะการทำงานจะมีถึง 4 สถานะ คือ กล้องทำอยู่และเปิดรับภาพปกติ ไฟ LED ที่กล้องจะโชว์สีเขียว หากกล้องทำงานอยู่แต่ถูกระงับการรับภาพ ไฟ LED จะโชว์สีแดง หากกล้องถูกปิดการทำงาน LED จะโชว์สีขาว และกรณีที่มีการอัพเกรดซอฟต์แวร์ จะกระพริบช้าๆ เป็นสีแดง

การทำงานของบลูทูธ (Bluetooth Pairing) จะแสดงสถานะมากถึง 6 สถานะ ส่วน NFC Pairing จะแสดงเพียงแค่ 2 สถานะคือ Enabled กับ Not Enabled สุดท้ายคือสถานะการทำงานตัวเครื่อง จะแสดง 5 สถานะ เช่น ถ้าไฟเป็นสีขาว หมายถึง ไม่มีการ Call หรือหากเชื่อมต่อกับ USB แต่ไม่มีสัญญาณวิดีโอ/เสียง ถ้าไฟสีเขียวหมายถึงการ Call กำลังทำงานอยู่ หากกระพริบเป็นสีเขียวหมายถึงการพักสาย หากเป็นสีแดงแสดงว่าอุปกรณ์มีปัญหา

เมื่อสำรวจด้านหลังเครื่องจะพบช่อง AUX-In ซึ่งอยู่ด้านบนสุด ถัดลงมาเป็นช่องเชื่อมต่อเพื่อขยายไมโครโฟน ตำแหน่งถัดลงมาเป็นช่องต่อกับไฟฟ้า และช่องพอร์ต Ethernet ถัดลงมาเป็นช่องพอร์ต USB และสุดท้ายเป็นช่อง USB ที่ใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกได้เอนกประสงค์

จากการสำรวจทั้งหน้าและหลังเครื่องพบว่า CS-700 ออกแบบฟังก์ชัน และลักษณะการใช้งานเพียงพอต่อการใช้งานในห้องประชุมขนาดเล็กและขนาดกลาง ด้านหน้าแสดงสถานะการทำงานให้ผู้ใช้หรือช่างเทคนิครับรู้สถานะการทำงานของเครื่อง ส่วนด้านหลังมีช่องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกเพิ่มเติมได้ด้วย

การเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์

CS-700AV สามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่านพอร์ต USB 3.0 แบบ USB Type-B ผ่านด้านหลังเครื่อง นอกจากการเชื่อมต่อผ่านสาย USB 3.0 แล้ว ยังสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องรับส่งภาพและเสียงแบบไร้สายได้อีกด้วย เช่น Kramer Via Go ซึ่งเป็นอุปกรณ์รับส่งภาพและเสียงคุณภาพ ที่รองรับทั้ง PC, Mac, iOS และ Android รองรับภาพ Full HD การเชื่อมต่อ HDMI, Mini DisplayPort เพื่อเปิดใช้งานเธิร์ดปาร์ตี้ ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันเกี่ยวกับ webinar, conferencing, softphone ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์โทรศัพท์แต่ทำงานบนคอมพิวเตอร์ รันผ่าน VoIP โพรโตคอล นับว่าเป็นการขยายขีดความสามารถของ CS-700 ขึ้นไปอีกขั้น

อย่างไรก็ดี ตัวเครื่องสามารถเชื่อมต่อกับ USB 2.0 ได้ แต่ระบบจะลดทอนความละเอียดของภาพเหลือราว 360p แต่หากอยากใช้ประสิทธิภาพเต็มที่แนะนำให้เชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB 3.0 หรือผ่าน Kramer Via Go และ Kramer Via Pad เท่านั้น

นอกจากนี้ CS-700 ยังสามารถเชื่อมต่อผ่าน IP Network เพื่อใช้บริหารจัดการขั้นสูง ด้วยระบบ Plug-and-Play บางครั้งการเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB อาจมีข้อจำกัดบางอย่าง ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการผู้ใช้งาน ดังนั้น อุปกรณ์จึงสามารถรองรับระบบเน็ตเวิร์กโพรโตคอลที่ซับซ้อนได้ อาทิ Web-UI, SNMP, SIP/VOIP


AMX Acendo Vibe ACV5100 (วิดีโอซาวด์บาร์)

เป็นอุปกรณ์วิดีโอคอนเฟอเรนซ์อีกตัว มีฟีเจอร์ครบเครื่อง ทั้งภาพและเสียง รวมถึงกล้อง มีมุมรับภาพได้กว้าง มีลำโพงในตัว และไมโครโฟน ภายในมี DSP จาก JBL พร้อมการเชื่อมต่อผ่านบลูทูธและระบบ Plug-and-Play ผ่าน USB

สำหรับ Acendo Vibe 5100 ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานเว็บคอนเฟอเรนซ์ ที่บรรจุกล้องจับภาพในตัว ให้คุณภาพเสียงที่ดีระดับ JBL เกรดมืออาชีพ อุปกรณ์ออกแบบได้หรูหรา ติดตั้งเข้ากับห้องประชุมสมัยใหม่ ตัว Acendo Vibe มีฟีเจอร์โดดเด่นหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นกล้องจับภาพมุมกว้าง ทำให้สามารถจับภาพคนในห้องประชุมจำนวนมากได้อย่างครอบคลุม ภายในยังบรรจุลำโพง JBL ให้เสียงคุณภาพดี ไมโครโฟนตอบสนองต่อการรับเสียงในระยะไกล (far-field) พร้อมทั้งมีอัลกอริทึมจาก JBL ช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าทุกตำแหน่งการฟังภายในห้องนั้นจะได้ยินเสียงชัดเจน นอกจากนี้ ตัวกล้องและไมโครโฟนได้บรรจุฟังก์ชันตัดเสียงกล้อง กล่าวคือทั้งภาพและเสียงจะทำงานสอดคล้องกัน

HDMI, USB และบลูทูธ ถือเป็นอินเทอร์เฟซพื้นฐานที่ใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอก โดยได้ผนวก Acendo Core ลงไป สามารถตอบโจทย์ห้องประชุมได้หลากหลาย สามารถใช้งานควบคุมการเปิด/ปิดจอ CEC รวมถึงยังมีภาคออดิโออินพุตและเอาท์พุต ซึ่งทำให้ควบคุม Acendo Vibe เข้ากับห้องต่างๆ ที่มีเทคโนโลยีได้ทุกระดับ

ความโดดเด่นของ Acendo Vibe

Acendo Vibe 5100 ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในห้องที่ใช้พื้นที่ร่วมกัน อย่างเช่นห้องประชุม ตัว Acendo Vibe นั้น เป็นคอนเฟอร์เรนซิ่งซาวด์บาร์ มีไมโครโฟน มีลำโพงและกล้องอยู่ในตัว รองรับการประชุมทางไกลด้วยเสียงก็ได้ มีรูปลักษณ์สวยงาม มีฟังก์ชันที่ใช้งานง่าย สำหรับ Acendo Vibe จะมีด้วยกัน 2 รุ่น คือรุ่นที่มีกล้องและไม่มีกล้อง ระบบเสียงจูนโดย JBL และเทคโนโลยีขั้นสูงที่ถูกใส่เข้ามาคือไมโครโฟนแบบ Auto Steering คือจะปรับหาเสียงคนพูดโดยอัตโนมัติ ตัวเครื่องจะปรับตำแหน่งไมค์เพื่อไปรับเสียงของผู้พูด เพื่อกำจัดเสียงรบกวนรอบข้างเพื่อให้ได้เสียงจริงของผู้พูดให้ได้มากที่สุด รวมถึงตัวประมวลต่างๆ ที่ถูกใส่มาในตัวคอนเฟอเรนซิ่งซาวด์บาร์รุ่นนี้ ประกอบด้วย Echo Cancellation ซึ่งจำเป็นมากสำหรับการทำงานด้านคอนเฟอร์เรนซ์

สังเกตว่าจะมี HDMI In/Out อุปกรณ์ตัวนี้นอกจากจะนำภาพเข้าเพื่อจะเอาเสียงและภาพไปออกทีวีแล้วเนี่ย ตัว Acendo ยังมีโปรแกรมที่สามารถใช้งานควบคุมโทรทัศน์ เช่นเมื่อผู้ใช้เสียบ HDMI เข้ากับคอมพิวเตอร์ ระบบจะเรียกโปรแกรมมาเปิดทีวีให้ ในทางกลับกันเมื่อสิ้นสุดการใช้งาน อุปกรณ์จะปิดโทรทัศน์ให้เราเอง สำหรับช่องเชื่อมต่อสัญญาณเสียงมี Aux In กับ Aux Out สองช่องนี้ จะรับเสียงเข้ามาออกลำโพง และเสียงไปออกลำโพงตัวอื่นได้ และยังมี Optical Stereo Input อีกด้วย ตัว Acendo Vibe สามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ได้ผ่านสาย USB ซึ่งสายนี้จะส่งสัญญาณภาพจากล้องและเสียงด้วยสายเพียงเส้นเดียว ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับบลูทูธ เพื่อใช้เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ

ในการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ตัว Acendo Vibe 5100 จะทำหน้าที่เหมือนบลูทูธที่เป็น Small Talk ของผู้ใช้ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประชุมผ่านโทรศัพท์ได้เช่นกัน สำหรับการควบคุมการใช้งาน ตัว Acendo Vibe จะมีรีโมทไร้สายมาให้ ซึ่งการทำงานจะเหมือนผู้ใช้กดปุ่มบนตัวอุปกรณ์ Acendo Vibe ประกอบด้วยปุ่ม Mute ลำโพง, Mute ไมค์ วางสายคอนเฟอเรนซ์ ปุ่มบลูทูธเพื่อใช้ในกรณีเชื่อมต่อกับมือถือ ด้านหลังยังมีปุ่ม Source Select ผู้ใช้ยังสามารถหมุนวงแหวนรอบๆ คล้ายกับการหมุนเครื่องเสียงทั่วไป ขณะเดียวกันผู้ใช้ยังสามารถควบคุมปุ่มต่างๆ เหล่านี้ด้านข้างอุปกรณ์ได้เช่นกัน


 

GYGAR CG-C200 Conference Kit

ชุดกล้อง Conference สำหรับงานในห้องประชุมและห้องเรียนขนาดเล็กพร้อมกับชุดลำโพงและไมโครโฟน ตัวกล้องให้ความคมชัดในระดับ Full HD ส่วนตัวไมโครโฟนสามารถครอบคลุมเสียงได้กว้างถึง 6 เมตร ใช้งานได้ง่ายแบบ Plug-and-play ทำให้การสื่อสารเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ในชุดประกอบด้วย :

  • ชุดไมโครโฟนรอบทิศทางพร้อมลำโพงในตัว 1 เครื่อง
  • กล้องความละเอียดสูงสุดในระดับ Full HD 1 ตัว
  • เครื่องกระจายสัญญาน HUB แบบ USB 1 ตัว

คุณลักษณะเด่นของ GYGAR CG-C200

  • Full HD กล้องให้ความละเอียดสูงสุดในระดับ Full HD ให้ภาพที่ครบทุกรายละเอียดและสีสันสดใส สัมผัสได้ถึงความคมชัด
  • Optical Zoom เก็บรายละเอียดได้คมชัดมากขึ้นด้วยการซูมจากชิ้นเลนส์ถึง 10 เท่า
  • Camera Preset สามารถบันทึกมุมกล้องไว้ได้ถึง 10 มุม ทำให้ง่ายต่อการเปลี่ยนแปลงมุมกล้อง
  • Sensitive and Intelligent Microphone ไมโครโฟนรับเสียงได้รอบทิศทาง 360 องศา ในระยะที่ครอบคลุมถึง 6 เมตร ทำให้รับเสียงได้ชัดเจน แม้ผู้พูดอยู่ห่างจากตัวไมโครโฟน เสียงที่มีคุณภาพและชัดเจนมากขึ้น ด้วยระบบหาทิศทางอัตโนมัติ และระบบควบคุมความดังเสียงอัตโนมัติที่ทำให้ได้เสียงที่ดี นอกจากนี้ยังมีระบบขจัดเสียงสะท้อนที่ช่วยให้ได้เสียงจากการพูดชัดเจน
  • Plug and play ใช้งานได้ง่ายไม่ต้องติดตั้งไดรเวอร์ เพียงแค่เชื่อมต่อ USB กับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือเชื่อมต่อบลูทูธกับอุปกรณ์อื่นๆที่รองรับ

Kramer Via Go (อุปกรณ์รับ-ส่งสัญญาณภาพและเสียงแบบไร้สาย)

ปัจจุบันระบบไร้สายได้รับความนิยมทุกวงการ เนื่องจากมีความง่ายสะดวกต่อการใช้งาน การเชื่อมต่อแบบไร้สายเป็นการสื่อสารข้อมูลที่มีรูปแบบเฉพาะ คือไม่ต้องใช้สายสัญญาณเชื่อมต่ออุปกรณ์ โดยอาศัยการส่งข้อมูลด้วยคลื่นความถี่ ส่งผ่านตัวรับและตัวส่งผ่านอากาศ หรือสิ่งกีดขวางอื่นๆ โดยไม่ต้องเดินสายให้ยุ่งยาก

ในระบบชุดประชุมนั้น หากออกแบบด้วยระบบไร้สายก็จะช่วยให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ทำได้รวดเร็ว มีความคล่องตัว ไร้ปัญหาเรื่องสายสัญญาณซึ่งบางครั้งอาจจะไม่รองรับคอมพิวเตอร์ที่นำมาใช้งานกับกล้องคอนเฟอเรนซ์ และการเชื่อมต่ออุปกรณ์จะมีตัวรับและตัวส่ง เช่น Kramer Via Pad ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแชร์สัญญาณจากคอมพิวเตอร์ไปยังอุปกรณ์ตัวรับ/ส่งสัญญาณ นั่นคือ Kramer Via Go ซึ่งได้เชื่อมต่อกับกล้องคอนเฟอเร้นซิ่งซาวด์บาร์ จากนั้นภาพจะถูกส่งขึ้นจอ สังเกตว่าอุปกรณ์ทั้งคู่นั้นจะเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB บนตัวอุปกรณ์ทั้งต้นทางและปลายทาง

สรุป

Acendo Vibe จาก AMX เป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยให้การประชุมคอนเฟอเรนซ์ของเราง่ายขึ้น และมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เคย และ Yamaha CS-700 เป็นอุปกรณ์คอนเฟอเรนซ์คุณภาพสูง ให้ภาพคมชัดสมจริง มีเสียงระดับอาชีพ รองรับการเชื่อมต่อหลากหลายแบบ ออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญจาก Yamaha ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีในวงการนี้ และคอนเฟอเรนซิ่งซาวด์บาร์ทั้ง 2 รุ่นนี้สามารถเชื่อมต่อผ่านอุปกรณ์รับส่งสัญญาณภาพและเสียง Kramer Via Go และ Via Pad ได้เป็นอย่างดี ท่านใดสนใจข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทมิวสิคสเปซได้โดยตรง


หากมีข้อสงสัยประการใดในการเลือกซื้อระบบ Video Conference

สามารถขอคำปรึกษาติดต่อมาที่ บริษัท Musicspace ยินดีให้บริการปรึกษา พร้อมคำแนะนำ ในการเลือกซื้ออุปกรณ์เครื่องเสียง

โทร. 022031821 , 026414744

Read More
QSC แบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา เป็นผู้เชี่ […]

QSC แบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและผลิตตู้ลำโพง เพาเวอร์แอมป์ ดิจิตอลมิกเซอร์ และโพรเซสเซอร์มาอย่างยาวนาน สำหรับกลุ่มสินค้าประเภทตู้ลำโพงโดยทั่วไป QSC จะผลิตทั้งตู้ลำโพงแอคตีฟ หรือ Powered Loudspeakers และตู้ลำโพงพาสซีฟ โดยเฉพาะตู้ลำโพงสำหรับงานติดตั้งถาวร (Fixed Installation) งานสำหรับห้องประชุม ห้องอบรมสัมมนา ซึ่งมีด้วยกันหลายรุ่น /หลายซีรี่ส์ อาทิ

  • AcousticCoverage Series – Surface
  • AcousticDesign Series – Surface
  • AcousticCoverage Series – Celling-mount
  • AcousticDesign Series – Celling-mount
  • AcousticDesign Series Column
  • AcousticDesign Series Pendant-mount

AcousticCoverage Series – Surface

ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์โซลูชันที่ต้องการความคุ้มค่า ให้เสียงครอบคลุมพื้นที่ที่ต้องการ ตอบสนองต่อเสียงดนตรี มากกว่าจะเป็นแค่ลำโพง BGM ( Background Music) ทั่วไป สำหรับ AcousticCoverage สามารถนำไปติดตั้งใช้งานได้หลากหลายสถานที่ หลากหลายแอปพลิเคชัน อาทิ ใช้กับงานแบล็กกราวด์มิวสิค ติดตั้งในออฟฟิศ ร้านเสริมความงาม สถานีรถไฟฟ้าและอื่นๆ

สำหรับ AcousticCoverage เป็นลำโพง Surface Mount ใช้ติดผนัง ฟ้า เพดาน ผลิตด้วยดอกลำโพงคุณภาพสูง ให้เสียงเคลียร์ คมชัด ตอบสนองย่านเสียงพูดได้ดี พร้อมกับการออกแบบพอร์ตลมช่วยเพิ่มย่านความถี่ต่ำได้มากขึ้น มีหม้อแปลง 70/100V และช่องเชื่อมต่อสายสัญญาณชนิด Euroblock รองรับเทคโนโลยี Q-SYS™ หรือ เพาเวอร์แอมป์ CXD Series สามารถติดตั้งได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน มีให้เลือก 2 สี (ดำ/ขาว) AcousticCoverage มีจำหน่ายในท้องตลาดจำนวน 2 รุ่นได้แก่

  • AC-S4T-BK/WH – มีขนาดไดรเวอร์ 4 นิ้ว ว้อยซ์คอยล์ 1 นิ้ว แบบ 2 ทาง ตอบสนองความถี่ตั้งแต่ 70Hz-20kHz รับกำลังขับ 16-Watt มีความไว 85-103dB SPL มีหม้อแปลง 70/100V อิมพีแดนซ์ปกติ 8 Ohms มุมกระจายเสียง 130 องศา พร้อม Yoke เมาน์ น้ำหนัก 2.4kg
  • AC-S6T-BK/WH – มีขนาดไดรเวอร์ 6.5 นิ้ว ว้อยซ์คอยล์ 1 นิ้ว แบบ 2 ทาง ตอบสนองความถี่ตั้งแต่ 60Hz-20kHz รับกำลังขับ 30-Watt มีความไว 88-107dB SPL มีหม้อแปลง 70/100V อิมพีแดนซ์ปกติ 8 Ohms มุมกระจายเสียง 130 องศา พร้อม Yoke เมาน์ น้ำหนัก 3.8kg

AcousticDesign Series – Surface

เป็นลำโพง Surface Mount ออกแบบมาให้เลือกใช้หลากหลายรุ่น ความพิเศษของลำโพงในซีรี่ส์นี้ คือให้เสียงที่มีความเที่ยงตรงสูง มีความคมชัด ซึ่งลำโพงเหล่านี้จะให้คุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะงานติดตั้งที่ต้องการประสบการณ์คุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม ลำโพงซีรี่ส์นี้มาพร้อมกับ X-Mount ซึ่งเป็นสิทธิบัตรเฉพาะของ QSC ซึ่งได้รับรางวัลมาแล้ว

จุดเด่นของ AcousticDesign รักษามุมกระจายเสียงได้ตลอดย่านความถี่ ด้วยนวัตกรรมของ QSC ที่ชื่อ Directivity Matched Transition (DMT™) จะทำให้เสียงพุ่งตรงไปยังพื้นที่การฟังได้อย่างสม่ำเสมอ ทั้งย่านความถี่ต่ำและความถี่สูงผ่าน waveguide ณ. จุดครอสโอเวอร์ ผลคือทำให้เกิด coherent ระหว่างไดรเวอร์และปรับปรุงการตอบสนองการฟังในแกน off-axis ได้ดีขึ้น

AcousticDesign ใช้หม้อแปลงคุณภาพดี มีความสูญเสียต่ำ รองรับเทคโนโลยีของ Q-SYS ที่จะช่วยให้ตอบสนองย่านเสียงพูด เสียงประกาศได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังรองรับเพาเวอร์แอมป์ CXD ด้วย ตัวตู้รุ่นนี้มีเรท IP-54 ติดตั้งใช้งานง่ายมาพร้อมกับ X-Mount เนื่องจากเป็นตู้ฟูลเร้นจ์จึงสามารถติดตั้งได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน  ลำโพง AcousticDesign ปัจจุบันผลิตออกสู่ตลาดทั้งหมด 6 รุ่น มีจำหน่ายในไทยทุกรุ่น แต่ละรุ่นมีให้เลือก 2 สี (ขาว/ดำ) โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • AD-S4T-BK/WH – เป็นตู้ลำโพงติดไดรเวอร์ 4.5 นิ้วและ 0.75 นิ้ว แบบ 2 ทาง ตอบสนองความถี่ 68-20kHz รับกำลังขับ 50Watt /20V (rms) มีความไว 87-110dB SPL มีหม้อแปลง 70/100V อิมพีแดนซ์ปกติ 8 Ohms มุมกระจายเสียง 120 องศา มาพร้อมกับ X-Mount และเทคโนโลยี DMT Coverage น้ำหนัก 2.9kg.
  • AD-S6T-BK/WH – เป็นตู้ลำโพงติดไดรเวอร์ 6.5 นิ้วและ 1 นิ้ว แบบ 2 ทาง ตอบสนองความถี่ 60-20kHz รับกำลังขับ 150Watt /35 V (rms) มีความไว 89-116dB SPL มีหม้อแปลง 70/100V อิมพีแดนซ์ปกติ 8 Ohms มุมกระจายเสียง 105 องศา มาพร้อมกับ X-Mount และเทคโนโลยี DMT Coverage น้ำหนัก 6.2kg.
  • AD-S8T-BK/WH – เป็นตู้ลำโพงติดไดรเวอร์ 8 นิ้วและ 1 นิ้ว แบบ 2 ทาง ตอบสนองความถี่ 55-20kHz รับกำลังขับ 200Watt /40 V (rms) มีความไว 90-119dB SPL มีหม้อแปลง 70/100V อิมพีแดนซ์ปกติ 8 Ohms มุมกระจายเสียง 105 องศา มาพร้อมกับ X-Mount และเทคโนโลยี DMT Coverage น้ำหนัก 11kg.
  • AD-S10T-BK/WH – เป็นตู้ลำโพงติดไดรเวอร์ 10 นิ้วและ 1 นิ้ว แบบ 2 ทาง ตอบสนองความถี่ 50-19kHz รับกำลังขับ 250Watt /45 V (rms) มีความไว 92-122dB SPL มีหม้อแปลง 70/100V อิมพีแดนซ์ปกติ 8 Ohms มุมกระจายเสียง 90 องศา มาพร้อมกับ X-Mount และเทคโนโลยี DMT Coverage น้ำหนัก 11kg.
  • AD-S12-BK/WH – เป็นตู้ลำโพงติดไดรเวอร์ 12 นิ้วและ 1 นิ้ว แบบ 2 ทาง ตอบสนองความถี่ 52-20kHz รับกำลังขับ 300Watt /50 V (rms) มีความไว 95-126dB SPL ไม่มีหม้อแปลง อิมพีแดนซ์ปกติ 8 Ohms มุมกระจายเสียง 75 องศา มาพร้อมกับ X-Mount และเทคโนโลยี DMT Coverage น้ำหนัก 16kg.
  • AD-S112sw-BK/WH – เป็นตู้ลำโพงติดไดรเวอร์ 12 นิ้ว เป็นซับวูเฟอร์ มาพร้อมกับเทคโนโลยีพอร์ต TFR™ (Turbulent Flow Reduction) ตอบสนองความถี่ 30-135Hz รับกำลังขับ 300Watt /50 V (rms) มีความไว 90-121dB SPL ชนิดฟิลเตอร์ที่แนะนำ กรณีตัดย่าน 32 Hz high-pass ให้เลือกเป็น 24 dB/octave Butterworth กรณีตัดย่าน 100 Hz low-pass ให้เลือกเป็น 24 dB/octave Butterworth อิมพีแดนซ์ปกติ 8 Ohms ติดตั้งกับ YMS12 yoke mount น้ำหนัก 13.2kg.

AcousticCoverage Series – Celling-mount

เป็นลำโพงติดเพดานมีหลากหลายรุ่น ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการผู้ใช้งานที่ต้องการความเที่ยงตรงของเสียง ให้เสียงที่คมชัด ให้เสียงเป็นธรรมชาติ เหมาะกับงานติดตั้ง นอกจากนั้น ยังให้ SPL สูง ตอบสนองย่านความถี่เสียงดนตรี มีความผิดเพี้ยนต่ำ กระจายเสียงได้กว้าง สามารถติดตั้งในสถานที่ต่างๆได้เกือบทุกแห่ง เช่น ตึกออฟฟิศ คลินิกความงาม สนามบิน สถานีรถไฟฟ้า และสถานที่อื่นๆ ที่ต้องการคุณภาพเสียงคุ้มกับงบประมาณ

มาพร้อมกับไดรเวอร์ขนาด 4.5 จนถึงขนาด 8 นิ้ว เป็นฟูลเร้นจ์ ให้เสียงเคลียร์ตอบสนองย่านเสียงพูด เสียงประกาศได้ดี พร้อมหม้อแปลง 70V/100V อิมพีแดนซ์ 8 Ohms มีขั้วต่อแบบ Euroblock 4 ขั้ว รองรับฟิลเตอร์ของ Q-SYS และเพาเวอร์แอมป์ CXD Series ตัวบอดี้เป็นสีขาว สำหรับรุ่นที่มีจำหน่ายในตลาด รายละเอียดดังนี้

  • AC-C4T-nb – เป็นลำโพงฟูลเร้นจ์ติดเพดานขนาด 4.5 นิ้ว ไม่มีตัวถัง มีหม้อแปลง 70V/100V มุมกระจายเสียง 140 องศา รับกำลังขับ 6-Watt อิมพีแดนซ์ปกติ 8 Ohms ตอบสนองความถี่ตั้งแต่ 62Hz-18kHz มีความไว 93dB น้ำหนัก 1.2kg
  • AC-C8T-nb – เป็นลำโพงฟูลเร้นจ์ติดเพดานขนาด 8 นิ้ว ไม่มีตัวถังครอบด้านหลัง มีหม้อแปลง 70V/100V มุมกระจายเสียง 130 องศา รับกำลังขับ 6-Watt อิมพีแดนซ์ปกติ 8 Ohms ตอบสนองความถี่ตั้งแต่ 53Hz-20kHz มีความไว 96dB น้ำหนัก 1.5kg
  • AC-C4T – เป็นลำโพงฟูลเร้นจ์ติดเพดานขนาด 4.5 นิ้ว มีตัวถังครอบด้านหลัง มีหม้อแปลง 70V/100V มุมกระจายเสียง 140 องศา รับกำลังขับ 16-Watt อิมพีแดนซ์ปกติ 8 Ohms ตอบสนองความถี่ตั้งแต่ 70Hz-16kHz มีความไว 89dB น้ำหนัก 2.22kg
  • AC-C6T – เป็นลำโพงฟูลเร้นจ์ติดเพดานขนาด 6.5 นิ้ว มีตัวถังครอบด้านหลัง มีหม้อแปลง 70V/100V มุมกระจายเสียง 110 องศา รับกำลังขับ 30-Watt อิมพีแดนซ์ปกติ 8 Ohms ตอบสนองความถี่ตั้งแต่ 65Hz-20kHz มีความไว 89dB น้ำหนัก 3.5kg
  • AC-C8T – เป็นลำโพงฟูลเร้นจ์ติดเพดานขนาด 8 นิ้ว มีตัวถังครอบด้านหลัง มีหม้อแปลง 70V/100V มุมกระจายเสียง 100 องศา รับกำลังขับ 80-Watt อิมพีแดนซ์ปกติ 8 Ohms ตอบสนองความถี่ตั้งแต่ 52Hz-20kHz มีความไว 89dB น้ำหนัก 5.2kg

AcousticDesign Series – Celling-mount

ออกแบบมาเพื่อติดตั้งในลักษณะฝังเข้าไปในฝ้าเพดานห้อง อาคาร และอื่นๆ ให้เสียงที่พุ่งคมชัด เป็นคุณสมบัติที่ลำโพงงานติดตั้งต้องมี ลำโพงในกลุ่มนี้แบ่งเป็น 3 รูปแบบได้แก่ 1.) Small 2.) Large และ 3.) Subwoofer ในตลาดเมืองไทยมีจำหน่ายเพียง 3 รุ่น รายละเอียดดังนี้

  • AD-C4T-WH – เป็นลำโพง 2 ทาง ไดรเวอร์ขนาด 4.5 นิ้ว ตอบสนองความถี่ 70Hz-20kHz มุมกระจายเสียง 150 องศา (DMT Coverage) มีความไว 87.5-108dB SPL รับกำลังขับ 30-Watt มีหม้อแปลง 70V/100V น้ำหนัก 2.9kg.
  • AD-C6T-WH – เป็นลำโพง 2 ทาง ไดรเวอร์ขนาด 6.5 นิ้ว ตอบสนองความถี่ 65Hz-20kHz มุมกระจายเสียง 140 องศา (DMT Coverage) มีความไว 88-112dB SPL รับกำลังขับ 60-Watt มีหม้อแปลง 70V/100V น้ำหนัก 4.3kg.
  • AD-C81Tw-WH – เป็นลำโพงซับวูเฟอร์ ไดรเวอร์ขนาด 8 นิ้ว ตอบสนองความถี่ตั้งแต่ 28Hz-208Hz รับกำลังขับ 100W ความไว 92dB SPL มีหม้อแปลง 70/100V น้ำหนัก 9.1kg

AcousticDesign Series – Column

AcousticDesign Column เป็นอีกหนึ่ง Series ที่เป็นลำโพงแบบคอลัมน์ ใช้ติดผนังห้องต่างๆ มีให้เลือก 3 รุ่นคือ

1.) รุ่นไดรเวอร์ 4 ดอก 2.) รุ่นไดรเวอร์ 8 ดอก และ 3.) รุ่นไดรเวอร์ 16 ดอก สามารถบายพาสเป็น 70V/100V หรือใช้แบบอิมพีแดนซ์ปกติ 8 Ohms ได้ สามารถติดตั้งได้หลายแบบ ทั้งโปรเจคแบล็คกราวด์มิวสิค หรือฟอร์กราวด์มิวสิค ลำโพงรุ่นนี้ถูกออกแบบมาอย่างมีเอกลักษณ์ โดยมีรูปทรงเป็นแท่งคอลัมน์ใช้ติดตั้งภายในห้องตำแหน่งต่างๆ ได้ทุกแห่ง

หากต้องการคุณภาพเสียงระดับพรีเมียม AcousticDesign Series สามารถตอบโจทย์ได้ โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ต้องการให้เสียงคลอบคลุมทุกพื้นที่การฟัง และต้องการความสวยงาม ลำโพง AcousticDesign Series ให้โทนเสียงสม่ำเสมอ ติดตั้งได้ทั้งในบ้าน ร้านอาหาร ล็อบบี้โรงแรม ในลักษณะใช้เสา บนเพดาน ผนังห้อง ลำโพงซีรี่ส์สามารถผนวกเข้าด้วยกันเป็นซิสเท็มได้อย่างลงตัว สำหรับลำโพง AcousticDesign Series ที่จำหน่ายในไทยมี 2 รุ่น แต่ละรุ่นมีให้เลือก 2 สี (ดำ/ขาว)

  • AD-S802T-BK/WH – มีไดรเวอร์ขนาด 2.5 นิ้่ว จำนวน 8 ดอก มีหม้อแปลง 70V/100V บายพาสเป็น 8 Ohms ได้ มุมกระจายเสียงแนวนอน 150 องศา และแนวตั้ง 20 องศา ตอบสนองความถี่ 90Hz-17kHz รับกำลังขับ 120-Watt มีความไว 87-114dB SPL โครงสร้างตู้เป็นอลูมนิเนียม น้ำหนัก 6.2kg
  • AD-S162T-BK/WH – มีไดรเวอร์ขนาด 2.5 นิ้่ว จำนวน 16 ดอก มีหม้อแปลง 70V/100V บายพาสเป็น 8 Ohms ได้ มุมกระจายเสียงแนวนอน 150 องศา และแนวตั้ง 20 องศา ตอบสนองความถี่ 90Hz-17kHz รับกำลังขับ 200-Watt มีความไว 88-118dB SPL โครงสร้างตู้เป็นอลูมนิเนียม น้ำหนัก 11.8kg

AcousticDesign – Pendant-mount

ตัว Pendant-mount เป็นลำโพงแขวนคล้ายโคมไฟ โดยนำไปแขวนไว้ในจุดต่างๆ ที่ต้องการให้เสียงกระจายลงตำแหน่งผู้ฟังแบบเจาะจง ข้อดีของลำโพงลักษณะช่วยให้ลดปัญหาความก้องของเสียงภายในห้องได้เป็นอย่างดี เพราะทิศทางของเสียงจะพุ่งดิ่งลงไปตำแหน่งศีรษะผู้ฟังโดยตรง ซึ่งปริมาณเสียงที่ไปกระทบผนังของห้องมีน้อยกว่า

Pendant-mount กระจายเสียงเหมือนโคมไฟ มีมุมกระจายเสียงกว้าง ใช้งานได้ทั้งรูปแบบฟอร์กราวด์มิวสิค และแบล็คกราวด์มิวสิค มีหม้อแปลงในตัว 70V/100V บายพาสใช้อิมพีแดนซ์ 16 Ohms ได้ ลำโพง Pendant-mount เหมาะที่จะติดตั้งในสถานที่ต่างๆ ที่ต้องการความครอบคลุมของเสียง ลดการสะท้อนของห้อง ต้องการเสียงที่ชัด หรือในตำแหน่งการฟังที่ลำโพงรูปแบบอื่นติดตั้งไม่ได้ สำหรับ Pendant-mount จำหน่ายในไทยมี 2 รุ่น แต่ละรุ่นมีให้เลือก 2 สี (ดำ/ขาว) ดังนี้

  • AD-P4T-BK/WH – เป็นลำโพง 2 ทางขนาดไดรเวอร์ 4.5 นิ้ว มีหม้อแปลง 70/100V สามารถบายพาสอิมพีแดนซ์ 16 Ohms มุมกระจายเสียง 150 องศา DMT มีสายเคเบิลห้อยลำโพงเพื่อติดตั้งกับเพดาน ตอบสนองความถี่ 65-20kHz มีความไว 87.9-108dB SPL กำลังขับ 30-Watt น้ำหนัก 2.9kg
  • AD-P6T-BK/WH – เป็นลำโพง 2 ทางขนาดไดรเวอร์ 6.5 นิ้ว มีหม้อแปลง 70/100V สามารถบายพาสอิมพีแดนซ์ 16 Ohms มุมกระจายเสียง 135 องศา DMT มีสายเคเบิลห้อยลำโพงเพื่อติดตั้งกับเพดาน ตอบสนองความถี่ 55-20kHz มีความไว 88-112dB SPL กำลังขับ 60-Watt น้ำหนัก 4.1kg

สรุป

สำหรับกลุ่มลำโพง QSC ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในงานติดตั้ง แม้จะมีด้วยกันหลายรุ่นก็ตาม ผู้ใช้ควรพิจารณาเลือกลำโพงแต่ละรุ่นให้เข้ากับพื้นที่การใช้งาน ตามงบประมาณที่กำหนดไว้ หากต้องการข้อมูลเชิงลึกท่านสามารถปรึกษาผู้ออกแบบระบบ หรือหากมีความรู้ความเข้าใจในระบบเสียงดีอยู่แล้ว ขอให้เลือกพิจารณาตามข้อมูลในบทความชิ้นนี้

บทความโดย : อจ.เดชฤทธิ์ พลเยี่ยม (Bobby Rambo)


หากมีข้อสงสัยประการใดในการเลือกซื้อ ระบบเสียง ลำโพง สำหรับห้องประชุม ห้องสัมมนา
สามารถขอคำปรึกษาติดต่อมาที่ บริษัท Musicspace ยินดีให้บริการปรึกษา พร้อมคำแนะนำ ในการเลือกซื้ออุปกรณ์เครื่องเสียง
โทร. 022031821 , 026414744

Read More
แก้ปัญหาโรงยิมสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร […]

แก้ปัญหาโรงยิมสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม)

ปัญหาต่างๆ ของเสียงที่เกิดขึ้นภายหลังที่มีการติดตั้งระบบเสียงที่โรงยิมแห่งนี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการออกแบบสถานที่แห่งนั้น ไม่ได้คำนึงถึงระบบเสียงตั้งแต่แรก เมื่อมีการติดตั้งระบบเสียงจึงก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ได้

อย่างไรก็ดี แม้ว่าสถานที่เหล่านั้นจะมีปัญหามากมายก็ตาม หากว่าผู้ติดตั้งเข้าใจระบบเสียง และมีความเชี่ยวชาญมากพอ มีอุปกรณ์ที่ดี ปัญหาบางอย่างสามารถแก้ไขได้ บทความนี้จะพาคุณไปศึกษาวิธีการแก้ปัญหาของโรงยิมโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) ที่อยู่ใจกลาง กรุงเทพฯ

จุดเริ่มต้นของโปรเจค

การติดตั้งเคสนี้ ปัญหาเกิดจากเสียงในโรงยิมซึ่งมีการติดตั้งระบบเสียงมานานแล้วฟังไม่รู้เรื่อง เสียงไม่ชัด ไมค์หอน ไม่สามารถรับฟังได้ทั่วพื้นที่ ดังนั้นทางโรงเรียนสาธิต มศว. ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) จึงได้มอบหมายให้ทางบริษัท Music Space เข้าไปแก้ปัญหาระบบเสียงที่โรงยิมแห่งนี้

แนวทางการแก้ปัญหา

หลังจากที่ได้เข้าไปคุยกับทางอาจารย์ที่ดูแลและรับทราบปัญหาต่างๆแล้วทางเทคนิคเชี่ยน (คุณปริญญา สงวนสิน) ได้เริ่มทำการปรับเปลี่ยน โดยการติดตั้งตำแหน่งลำโพงใหม่ (ย้ายจากตำแหน่งเดิม) ซึ่งเดิมทีตำแหน่งของลำโพงนั้นอยู่ลึกเข้าไปด้านหลังเวที นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการไมค์หอน เพราะเวลาใช้งานจริง ตำแหน่งไมค์จะถูกใช้ ในจุดหน้าตู้ลำโพง ซึ่งเป็นตำแหน่งของลำโพง PA (ลำโพงไลน์อาร์เรย์  Tasso) แม้จะมีการปรับแต่งเสียง เพื่อลดปัญหาอาการหอนก็แก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะยิ่งปรับยิ่งทำให้เสียงผิดเพี้ยนได้

อีกปัญหาคือเดิมตำแหน่งของลำโพงไม่สามารถกระจายเสียงไปได้รอบๆ พื้นที่ของโรงยิมได้ ดังนั้น ผู้ติดตั้งจึงทำการย้ายตำแหน่งลำโพงใหม่ แล้วกำหนดองศาของลำโพงแต่ละใบให้เสียงกระจายครอบคลุมแต่ละพื้นที่

สำหรับลำโพงไลน์อาร์เรย์ที่เป็นเมน PA นั้นใช้ข้างละ 4 ใบ โดยกำหนดให้ใบล่างสุดโฟกัสพื้นที่ด้านหน้า โดยมีระยะ 10-15 เมตร ส่วนใบที่ 2 ถูกกำหนดไล่เรียงพื้นที่กันไป จนถึงใบที่ 4 เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ถึงด้านหลัง

ขณะเดียวกันตำแหน่งตรงกลางเวที หรือด้านหน้าเวที (Center) เสียงจะเบาบาง จึงได้เพิ่มลำโพงเข้าไปตำแหน่งนี้อีก 2 ใบ (ลำโพง QSC KW122) เพื่อให้พื้นที่บริเวณนั้นได้ยินเสียงชัดเจนขึ้น

รวมถึงมีการติดตั้งลำโพงในจุดรอบๆ โรงยิม (ด้านซ้าย 2 ใบ ด้านขวา 2 ใบ เป็นลำโพง QSC KW122 รวมถึงด้านหลังอีก 2 ใบ Quest QM450A ซึ่งเป็นลำโพงเดิม) โดยลำโพงดีเลย์ที่เพิ่มเติมมาทั้งหมด 6 ใบ และของเดิมที่มีอยู่แล้วจำนวน 2 ใบ เป็นลำโพงที่มีภาคขยายในตัวหรือ Powered Speaker  เพื่อให้เสียงนั้นครอบคลุมโรงยิมอย่างทั่วถึง

ข้อมูลเทคนิค

เมื่อมีลำโพงจำนวนมาก เสียงจากลำโพงแต่ละใบจึงมาไม่พร้อมกัน ผู้ติดตั้งได้กำหนดจุดโฟกัสแต่ละพื้นที่ แล้วใช้อุปกรณ์หน่วงสัญญาณเสียงเพื่อให้เสียงของลำโพงในแต่ละพื้นที่เดินทางมาพร้อมกัน ทำให้ผู้ฟังไม่ว่าจะยืนอยู่ตำแหน่งใด สามารถได้ยินเสียงเหมือนกัน ตรงนี้เป็นเทคนิคการทำ Delay โดยมีการใช้เลเซอร์วัดระยะทางได้อย่างแม่นยำ บวกกับการนำซอฟต์แวร์มาใช้ตรวจสอบสัญญาณเสียงให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ

ปัญหาของโรงยิมที่นี่อีกอย่างคือเรื่องความก้อง หากไปเพิ่มความดังระบบเสียงอย่างเดียวจะทำให้ฟังไม่รู้เรื่อง ผู้ติดตั้งจึงออกแบบระบบโดยการกระจายตำแหน่งลำโพงหลายๆ จุด แล้วทำการโฟกัสเป็นจุดๆ ไป จากนั้นปรับความดังให้พอดี ซึ่งเสียงมันจะไม่ดังจนล้นแล้วไปสะท้อนตีกลับมา นั่นจะส่งผลทำให้ฟังไม่รู้เรื่อง

สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้จัดการสัญญาณเสียงต่างๆ ภายในโรงยิม คือ Symetrix Solus NX8x8 ซึ่งโพรเซสเซอร์ตัวนี้สามารถควบคุมสัญญาณเสียงของลำโพงได้ทุกใบเลยทีเดียว แนวทางการแก้ปัญหาระบบเสียง โดยทั่วไป.. อย่างแรกต้องรู้ประสิทธิภาพของเครื่องก่อน ต้องรู้ว่าเครื่องเสียงมีอะไรบ้าง แล้วเราให้เครื่องเสียงทำงานอย่างเต็มกำลังของมันก่อน ทำอย่างไรให้อุปกรณ์แต่ละอย่างทำงานได้เต็มที่ ค่อยมาไล่เรียงสัญญาณต่างๆ ให้มันสมูธที่สุด ไม่ใช่การเร่งสัญญาณเฉพาะจุด หรือลดบางจุด ถ้าจัดการตรงนี้ได้อย่างอื่นก็ไม่ยาก

ลำโพงแต่ละใบจะถูกรีดประสิทธิภาพออกมาให้มากที่สุด ผู้ติดตั้งจะเช็คการตอบสนองของเสียงภายในโรงยิม เช่น ความถี่ไหนมากเกินไป และคิดว่าจะสร้างปัญหาจะถูกลดทอนตัดออกไป ในเคสนี้แม้ว่าลำโพงจะใช้ยี่ห้อ/รุ่นต่างกัน แต่ถ้าลำโพงเหล่านั้นมีการตอบสนองความถี่ที่เราต้องการ เราสามารถทำให้เสียงที่ออกมากลมกลืนไปด้วยกันได้หมด

สำหรับโปรเจคนี้ ขั้นตอนที่ใช้เวลาในการติดตั้งคือขั้นตอนการทำ Alignment ระบบเสียง ที่ต้องมีการจัดการกับความถี่ในบางย่าน ที่เป็นปัญหา การใช้เสียงที่โรงยิมแห่งนี้จะเน้นเสียงพูดเป็นหลัก ถ้ามีย่านไหนรบกวนการฟัง จะถูกตัดออก สำหรับการใช้งานที่นี่ จะมีการเปิดเพลงเป็นบางครั้ง แต่เสียงพูดจะไม่ไปออกตู้ซับวูฟเฟอร์มากนัก

ในการแก้ปัญหาเรื่องเสียง ผู้ติดตั้งจะเน้นการฟัง และปรับจูนเสียงให้เข้ากับสภาพโรงยิมเป็นหลัก การติดตั้งระบบเสียงที่นี่จะคล้ายคลึงกับการติดตั้งระบบเสียงในผับเธค โดยใช้วิธีการทำงานแบบเดียวกัน

โรงยิมแห่งนี้ได้ติดตั้งตู้ลำโพงซับวูฟเฟอร์ไว้ด้านบน ถามว่าทำไมตู้ลำโพงซับวูฟเฟอร์จึงไปอยู่ด้านบน เหตุผลเพราะผู้ติดตั้งทำงานตามโจทย์ของลูกค้า ซึ่งเสียงเบสที่ออกมาจากตู้นั้น ไม่ได้แตกต่างจากวางบนพื้นมากนัก แม้ว่าจะอยู่ด้านบนก็ตาม อีกอย่างผู้ติดตั้งเชื่อว่าสามารถทำได้จึงทำตามโจทย์นี้ อีกอย่างการใช้เสียงที่นี่ ไม่ต้องการเบสแบบคอนเสิร์ต EDM ที่ต้องการเบสกระแทกพื้น การติดตั้งตู้ซับไว้ด้านบนจึงไม่ใช่ปัญหา

โปรเจคนี้มีการใช้ลำโพงไลน์อาร์เรย์ของ Tasso ข้างละ 4 ใบ และตู้ลำโพงรอบๆ โดยใช้ของ QSC แบบแอคตีฟซึ่งมีเพาเวอร์แอมป์ในตัว ส่วนด้านหลังใช้ของ Quest ซึ่งลำโพงไลน์อาร์เรย์จะควบคุมให้กระจายเสียงบริเวณด้านหน้า-ตรงกลาง-หลัง ส่วนตู้ด้านหลังจะโปรยเสียงเข้ามาผสานกันอย่างลงตัว

ส่วนห้องคอนโทรลใช้เพาเวอร์แอมป์ CAMCO D-Power4  6 ตัว ใช้ขับตู้ลำโพงไลน์อาร์เรย์และตู้ซับวูฟเฟอร์, กราฟฟิก EQ 2 ตัว (สำหรับมอนิเตอร์บนเวที), โพรเซสเซอร์ของ Symetrix รุ่น Solus NX 8×8 ทำให้งานติดตั้งครั้งนี้ง่ายขึ้น หากไม่มีโพรเซสเซอร์ตัวนี้ การทำงานโปรเจคนี้คงเป็นเรื่องยากมาก ส่วนมิกเซอร์ใช้ของ Soundcraft รุ่น Signature 16 เป็นอะนาลอกมิกเซอร์

บทสรุป

ปัญหาของระบบเสียงไม่ว่าจะเกิดขึ้นในรูปแบบใดก็ตาม เช่น เกิดจากสถานที่ติดตั้ง หรือเกิดจากการติดตั้งอุปกรณ์ไม่เหมาะสม หากเรารู้และเข้าใจปัญหา ทุกอย่างล้วนสามารถแก้ไขได้

ผู้แก้ไขและออกแบบระบบ: ต้น Parinya Sanguansin

บทความโดย : อจ.เดชฤทธิ์ พลเยี่ยม (Bobby Rambo)


หากมีข้อสงสัยประการใดในการเลือกซื้อ ระบบภาพหรือระบบเครื่องเสียงสำหรับโรงยิม
สามารถขอคำปรึกษาติดต่อมาที่บริษัท Musicspace ยินดีให้บริการปรึกษา พร้อมคำแนะนำ ในการเลือกซื้ออุปกรณ์เครื่องเสียง
โทร. 022031821 , 026414744

Read More
VIA Wireless Collaboration Solution หากกล่าวถึงพรีเซนเต […]

VIA Wireless Collaboration Solution

หากกล่าวถึงพรีเซนเตชัน (Presentation) หรือการนำเสนอข้อมูลในที่ประชุม ถือเป็นการสื่อสารรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายและมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อองค์กรภาครัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเป็นในแวดวงการศึกษา เช่นในโรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือในแวดวงธุรกิจ ไล่ตั้งแต่บริษัทห้างร้านขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่

ปัจจุบันการสื่อสารในรูปแบบการนำเสนอข้อมูลนั้น เป็นสิ่งที่เราไม่อาจปฎิเสธได้ เนื่องจากการนำเสนอข้อมูลหรือแนวคิดต่างๆ ล้วนเป็นการสื่อสารระหว่างผู้ส่งสารไปยังผู้รับสาร โดยผู้รับสารอาจมีจำนวนหลายคนที่เป็นผู้ร่วมงานที่คุ้นเคยกันดี หรือเป็นบุคคลภายนอกที่อาจไม่คุ้นเคยกันก็ได้

พรีเซนเตชันสมัยใหม่ Vs. แบบดั้งเดิม

ไม่ว่าการสื่อสารจะเป็นรูปแบบทางเดียวหรือสองทาง (Two ways communication)  ผู้นำเสนอจะต้องส่งข้อมูลให้ถึงเป้าหมายได้อย่างครบถ้วน และหากเปรียบเทียบกับรูปแบบการนำเสนอแบบดั้งเดิมแล้ว การนำเสนอข้อมูลในรูปแบบพรีเซนเตชันสมัยใหม่นั้น พบว่าสามารถสร้างผลกระทบและดึงดูดความสนใจต่อผู้ฟังได้ดีกว่าวิธีเขียนบนกระดานหรือบนกระดาษ

เนื่องจากวิธีนำเสนอสมัยใหม่สามารถช่วยให้ผู้ส่งสารปรับแต่งเนื้อหาได้ตรงกับความต้องการของเป้าหมาย โดยใช้สื่อประกอบในลักษณะต่างๆ ได้หลากหลาย เช่น ภาพวิดีโอ คลิปเสียง ภาพถ่าย แผนภูมิรูปภาพ แอนิเมชันต่างๆ รวมถึงยังนำเสนอเนื้อหาให้กระชับรัดกุมได้อีกด้วย อาจกล่าวได้ว่ารูปแบบการนำเสนอข้อมูลสมัยใหม่ผ่านเทคโนโลยีนั้น มีประสิทธิภาพและเหนือชั้นกว่าการนำเสนอแบบดั้งเดิมอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

รูปแบบการเชื่อมต่อ

แม้ว่าระบบพรีเซนเตชันสมัยใหม่ผ่านเทคโนโลยีจะต้องติดตั้งอุปกรณ์หลากหลายก็ตาม แต่การเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ นั้น ปัจจุบันพบว่ามีเพียง 2 รูปแบบคือ 1.การเชื่อมต่อโดยใช้สายสัญญาณ และ 2. การเชื่อมต่อผ่านระบบไร้สาย (Wireless) ซึ่งอุปกรณ์บางตัวยังจำเป็นต้องเชื่อมต่อด้วยสายสัญญาณอยู่ แต่ว่าอุปกรณ์บางตัวเหมาะกับระบบไร้สาย

ในการเชื่อมต่อทั้งสองแบบล้วนมีข้อดีและข้อด้อยต่างกัน เช่น อุปกรณ์สตรีมมิ่งภาพ (Streaming) เหมาะกับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย เพราะอุปกรณ์ชนิดนี้จะทำหน้าที่รับสัญญาณภาพจากคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน และโน้ตบุ๊คได้ยืดหยุ่นกว่าการเชื่อมต่อโดยใช้สายสัญญาณ เนื่องจากการเชื่อมต่ออุปกรณ์ผ่านสายสัญญาณ มีข้อจำกัดในเรื่องลักษณะขั้วต่อที่ถูกบังคับตายตัว ตัวอย่าง

ในกรณีผู้ใช้ต้องการส่งข้อมูลไปแสดงบนจอภาพหรือโปรเจคเตอร์ อุปกรณ์ส่งภาพจะต้องมีขั้วต่ออย่างน้อยหนึ่งชนิด เช่นขั้วต่อแบบ VGA, HDMI หรือ DisplayPort ซึ่งอุปกรณ์พกพาบางชนิดไม่มีขั้วต่อเหล่านี้ เช่นสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต อีกอย่างการเชื่อมต่อผ่านพอร์ตเหล่านี้ก็มีข้อจำกัดเรื่องความยาวของสายสัญญาณ กล่าวคือหากใช้สายสัญญาณยาวเกิน 15 เมตร คุณภาพของสัญญาณภาพก็จะด้อยลง รวมถึงหากต้องการพรีเซ้นต์พร้อมกันก็จะทำได้ยาก ดังนั้น ระบบการประชุมด้วยวิธีการใช้งานผ่านระบบไร้สายจึงทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น อีกทั้งผู้ใช้ยังสามารถแชร์สัญญาณออกไปร่วมกับระบบเครือข่ายในองค์กรได้อีกด้วย

รู้จัก KRAMER VIA

VIA เป็นสินค้าที่อยู่ภายใต้แบรนด์ Kramer ซึ่งก่อตั้งมานานกว่า 30 ปี เป็นผู้เชี่ยวชาญในการวิจัยพัฒนาอุปกรณ์ Pro AV ระดับแนวหน้าของวงการ สำหรับ VIA Wireless เป็นอุปกรณ์สำหรับชุดประชุม ที่ใช้รับสัญญาณภาพแบบไร้สายจากอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน และโน้ตบุ๊ค โดยจะรับสัญญาณภาพจากอุปกรณ์เหล่านี้ไปแสดงผลบนจอ LCD, LED, TV หรือเครื่องฉายโปรเจคเตอร์

ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อ VIA Wireless เข้ากับระบบชุดประชุมขนาดเล็กไปจนถึงชุดประชุมขององค์กรขนาดใหญ่ ปัจจุบัน VIA Wireless มีผลิตภัณฑ์หลากหลายรุ่น โดยมีรุ่นที่โดดเด่นและน่าสนใจจำนวน 5 รุ่นได้แก่

  • VIA GO Wireless Presentation & Collaboration Device
  • VIA Connect Pro Wireless Presentation & Collaboration Solution
  • VIA Connect Plus Simultaneous Wired & Wireless Presentation & Collaboration
  • VIA Campus Wireless Presentation & Collaboration Device
  • VIA PAD Step–in Touch Pad

VIA GO 

เป็นอุปกรณ์ไวร์เลสพรีเซนเตชันตัวหนึ่งที่รองรับการล็อกอินผ่าน Wi-Fi หรือการเชื่อมต่อผ่านสาย LAN โดยรองรับระบบปฎิบัติการ Windows, Mac, Chromebooks ตลอดจน iOS และแอนดรอยด์ ให้ความคมชัดของภาพที่ความละเอียดแบบ Full HD 1080p/60 แบบ WUXGA รองรับแบนด์วิธภาพได้ถึง 6Mbps เมื่อเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi ที่อยู่ภายในตัวของ Access Point สามารถเชื่อมต่อให้แสดงผลได้พร้อมกัน 2 จอภาพ

จุดเด่น รองรับ HDMI และขั้วต่อ Ethernet RJ-45 มีช่อง USB 3.0 จำนวน 4 พอร์ต มีช่องต่อหูฟังขนาด 3.5mm รองรับซอฟต์แวร์ VIA เช่น VSM และ VIA Pad รองรับ Wi-Fi 2.4GHz ในโหมด Access Point และ 2.4GHz/5GHz ในโหมดไคลเอ็นด์ สัญญาณเอาต์พุตของภาพเป็นแบบ HDMI หรือ DisplayPort เหมาะสำหรับงานพรีเซนเตชันในองค์กรขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง ห้องเรียนในสถาบันการศึกษา และในห้องประชุมแบบ Huddle spaces มีน้ำหนักเบาเพียง 0.4kg.

VIA Connect PRO 

เป็นไวร์เลสพรีเซนเตชันอีกรุ่นที่เชื่อมต่อได้หลายแบบ มีพอร์ตเอาต์พุตส่งภาพชนิด HDMI, DisplayPort Mini และรับอินพุตผ่านพอร์ต USB-A 4 ช่อง และผ่าน Ethernet 1 ช่อง ล็อคอินใช้งานผ่าน Wi-Fi หรือผ่าน LAN ได้ รองรับระบบปฎิบัติการ MAC, Windows, iOS และแอนดรอยด์ ใช้งานง่ายติดตั้งเร็ว สตรีมมิ่งสัญญาณภาพที่ความละเอียด Full HD 1080p/60 สามารถเชื่อมต่อได้พร้อมกัน 4 จอภาพ มีระบบป้องกันความปลอดภัยการเข้ารหัส 1024-bit และ dynamic room code สามารถนำอุปกรณ์พกพาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมือถือ โน้ตบุ๊ค แท็บเล็ตมาแชร์สัญญาณภาพ เพื่อฟีดขึ้นจอภาพทั้งแบบทีละจอ หรือหลายๆ จอพร้อมกัน สามารถทำให้การพรีเซ้นต์ของนักเรียนและครูอาจารย์ทำได้คล่องตัว สะดวกสบายมากขึ้น

สามารถแก้ไขเอกสารหรือแชร์ข้อมูลผ่านกระดานดิจิตอลได้ทันที VIA Connect Pro ออกแบบมาเพื่อห้องประชุม huddle rooms ในราคาไม่แพง สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้สูงสุดถึง 254 อุปกรณ์ รองรับระบบเน็ตเวิร์ก DHCP ซึ่งทำให้ลูกข่ายสามารถเชื่อมต่อเข้าร่วมเครือข่ายได้โดยไม่ต้องกำหนดไอพีแอดเดรส รองรับพื้นที่เก็บไฟล์ข้อมูลในรูปแบบคลาวด์ไว้แชร์ร่วมกันสูงสุด 32GB  สามารถส่งแชทไปยังผู้อื่นได้ มีการผนวกเข้ากับ iCloud รองรับซอฟต์แวร์ VIA Site Management และ VIA Pad รองรับหลายภาษา เชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5mm ได้ มีซีพียูประมวลผล Intel Dual Core 1.4GHz (4th Gen.) หน่วยความจำ 4GB น้ำหนักเพียง 0.5kg.

VIA Connect Plus 

เป็นไวร์เลสพรีเซนเตชันที่มีจำนวนพอร์ตอินพุตแบบ USB-A ถึง 4 พอร์ต มีช่อง Ethernet 1 พอร์ต และที่พิเศษกว่ารุ่น Go และ Connect Pro คือรองรับอินพุต HDMI 1 ช่อง ส่วนเอาต์พุตรองรับ HDMI 1 ช่อง และ DisplayPort mini 1 ช่อง ข้อดีของการมี HDMI อินพุตทำให้อุปกรณ์มีความยืดหยุ่นหรือทางเลือกในการใช้งานมากขึ้น นั่นคือผู้ใช้สามารถนำคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่มี HDMI มาใช้งานร่วมกับ VIA Connect Plus ได้ทันที และล็อคอินใช้งานผ่านระบบ Wi-Fi หรือ LAN ในรุ่นนี้รองรับระบบปฎิบัติการ Windows, MAC, iOS และแอนดรอยด์ ใช้งานง่าย ให้ภาพความละเอียด full HD 1080p/60 สามารถต่อใช้ได้พร้อมกัน 4 จอรวมกับจอหลัก

มีระบบป้องกันการเข้ารหัส 1024-bit และ dynamic room code จะเห็นว่าในรุ่นนี้หากเทียบกับ Connect PRO จะมีฟีเจอร์ใกล้เคียงกัน แต่จะรองรับอินพุตเป็น HDMI สามารถเชื่อมต่อได้ 254 อุปกรณ์ รองรับเน็ตเวิร์กมาตรฐาน DHCP มีพื้นที่เก็บไฟล์แบบ Cloud-Based 32GB สามารถแชทหาผู้อื่นได้ เข้า iCloud, OneDrive, Google Drive และ Dropbox ได้ รองรับซอฟต์แวร์ VIA Site Management (VSM) และ VIA Pad รองรับหลายภาษา ตัว VIA Connect Plus ออกแบบมาเพื่อใช้งานในห้องประชุมขนาดกลางไปหาขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น บอร์ดรูม ห้องประชุม ห้องพรีเซนเตชัน ห้องเรียน โดยมีน้ำหนักเพียง 0.5kg

VIA Campus 

เป็นไวร์เลสพรีเซนเตชันที่มีจำนวนพอร์ตอินพุตแบบ USB-A ถึง 5 พอร์ต แบ่งเป็น USB 3.0 จำนวน 2 พอร์ต และ USB 2.0 จำนวน 3 พอร์ต มีช่อง Ethernet 1 พอร์ต ฝั่งเอาต์พุตมีช่องเชื่อมต่อแบบ HDMI 1 พอร์ต ซึ่งในรุ่นนี้จะต่างจากรุ่นอื่นคือไม่มี DisplayPort แต่มีพอร์ต  DVI-I มาแทนให้มา 1 พอร์ต ตัว VIA Campus ออกแบบมาเพื่อให้พรีเซตได้หลายคนพร้อมๆ กัน มีการเข้ารหัสป้องกันความปลอดภัย 1024-bit คุณภาพภาพวิดีโอ 1080p/60 รองรับระบบปฎิบัติการ Windows 10, iOS แอนดรอยด์ รวมถึงยังรองรับแอปพลิเคชันจากพันธมิตรอีกด้วย อาทิ Microsoft Office, Skype, GoToMeeting, Lync, และ WebEx มีฟังก์ชัน  e–Polling  ซึ่งใช้ทำโพลอิเล็กทรอนิกส์ได้อีกด้วย สามารถเชื่อมต่อกับหูฟังและไมโครโฟนผ่านช่อง Unbalanced ได้ มี CPU ความเร็ว 2.9GHz แบบ 4 คอร์ แรม 4 GB ฮาร์ดดิสก์ SSD 60GB รองรับระบบเสียง 5.1 แชนเนล

ในรุ่น VIA Campus ถือว่าออกแบบมาเพื่อสถาบันการศึกษาโดยเฉพาะ รวมถึงการใช้ในองค์กรที่มีการเทรนนิ่ง ซึ่งรองรับเชื่อมต่อผ่านระบบไร้สาย แต่ละคนสามารถนำอุปกรณ์ต่างๆ มาล็อคอินผ่าน Wi-Fi ทั้งนิสิต นักศึกษา ครูอาจารย์ สามารถแชร์ข้อมูลร่วมกันผ่านจอภาพในห้อง รุ่น VIA Campus สามารถแสดงผลได้พร้อมกัน 12 จอรองรับการพรีเซ้นต์พร้อมกันสูงสุด 6 ยูสเซอร์ รองรับจอภาพระดับ 4K สนับสนุน Whiteboard รองรับ Microsoft Office, Skype, GoToMeeting และ WebEx รองรับการเล่น YouTube สามารถดึงลิงค์ของคลิปที่ต้องการสตรีมมิ่งผ่านอุปกรณ์ได้เลย สามารถบันทึกภาพและเสียงได้ รองรับฟังก์ชัน Digital Signage (License ออปชัน) มีช่อง eSATA สำหรับเชื่อมต่อกับฮาร์ดดิสก์ภายนอก รองรับซอฟต์แวร์ VIA Site Management (VSM) และ VIA Pad รองรับหลายภาษา VIA Campus เหมาะกับสถาบันการศึกษา และห้องแล็บเทรนนิ่งที่มีการนำเสนอ น้ำหนักเพียง 1.4kg

VIA PAD 

เป็นอุปกรณ์ออปชันตัวหนึ่งที่ใช้งานในลักษณะควบคุมอุปกรณ์ VIA ในรุ่นต่างๆ นั่นคือเป็นตัว Touch Pad คล้ายๆ ตัวควบคุมลูกศรเมาส์ที่อยู่บนโน้ตบุ๊ค โดยเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB รองรับคอมพิวตอร์ทั้ง Mac และพีซีรันบน Windows 7/8/10

เปรียบเทียบ VIA รุ่นต่างๆ

VIA GO VIA Connect PRO VIA Connect Plus VIA Campus Via Pad
Input 4 USB-A/1LAN 4 USB-A/1LAN 4 USB-A/1LAN/1HDMI 5 USB-A/1LAN Touch Pad
Output 1 HDMI/1 DP mini 1 HDMI/1 DP mini 1 HDMI/1 DP mini 1 HDMI/1 DVI-I
High Quality Video 1080p/60 1080p/60 1080p/60 1080p/60/4K
Screen 2 4 4 6+6
Encryption 1024-bit 1024-bit 1024-bit 1024-bit
CPU 1.4GHz 1.4GHz 1.4GHz 2.9GHz
Storage 32GB 32GB SSD 32GB SSD 60GB SSD
RAM 2GB 4GB 4GB 4GB

ในบทความนี้ผู้เขียนได้นำเสนอ VIA ไปทั้งหมด 5 รุ่น เฉพาะ VIA PAD เป็นอุปกรณ์ออปชันซึ่งเป็นทัชแพด ผู้เขียนจึงขอข้ามไป ในตารางเปรียบเทียบจะเห็นคุณสมบัติหลักๆ ของอุปกรณ์ VIA ที่เป็นไวร์เลสทั้ง 4 รุ่นคือ VIA GO, VIA Connect Pro, VIA Connect Plus และ VIA Campus

ไล่จากรุ่น Go จะมีอินพุตเหมือนกับ Connect Pro สองรุ่นนี้มีคุณสมบัติคล้ายกันจะต่างกันคือในรุ่น Connect Pro สามารถแสดงผลได้สูงสุด 4 จอภาพ ขณะรุ่น Go แสดงภาพได้พร้อมกันสูงสุดเพียง 2 จอ

ถัดมาในรุ่น Connect Plus ได้เพิ่มพอร์ตอินพุตแบบ HDMI มาจำนวน 1 พอร์ต ตัว Connect Plus สามารถเชื่อมกับ iCloud, OneDrive, Google Drive และ Dropbox ได้

ส่วนรุ่นสุดท้ายคือ VIA Campus รองรับอินพุตได้มากกว่ารุ่นอื่นๆ โดยมีเอาต์พุตแบบ DVI-I รองรับจอภาพ 4k แสดงผลได้สูงสุด 12 (6+6) จอภาพ ล็อคอินเพื่อพรีเซ้นต์ได้พร้อมกัน 6 ยูสเซอร์ มีพื้นที่เก็บข้อมูล 60GB และความเร็วซีพียูสูงถึง 2.9GHz

ท่านจะเห็นว่าอุปกรณ์แต่ละตัวได้ออกแบบมาใช้เพื่อใช้งานในระดับที่แตกต่างกัน หากเป็นห้องประชุมขนาดเล็กสามารถเลือกใช้ VIA GO หรือ Connect Plus หากเป็นห้องประชุมขนาดกลางหรือใหญ่เลือกเป็น Connect Plus หรือ Pro ก็ได้ และหากเป็นสถาบันการศึกษาแนะนำ VIA Campus จะเหมาะอย่างยิ่ง อย่างไรก็ดี ท่านสามารถพิจารณาฟีเจอร์ต่างๆ ของผลิตภัณฑ์แต่ละตัว จากเนื้อหาในแต่ละส่วน หรือสอบถามกับตัวแทนจำหน่ายเพิ่มเติมได้อีกหนึ่งช่องทาง

บทความโดย : อจ.เดชฤทธิ์ พลเยี่ยม (Bobby Rambo)


หากมีข้อสงสัยประการใดในการเลือกซื้อ ระบบภาพหรือระบบเครื่องเสียงสำหรับห้องประชุม
สามารถขอคำปรึกษาติดต่อมาที่บริษัท Musicspace ยินดีให้บริการปรึกษา พร้อมคำแนะนำ ในการเลือกซื้ออุปกรณ์เครื่องเสียง
โทร. 022031821 , 026414744

 

Read More
รีวิวแนะนำชุดไมโครโฟนห้องประชุม JTS CS-Series หากกล่าวถ […]

รีวิวแนะนำชุดไมโครโฟนห้องประชุม JTS CS-Series

หากกล่าวถึงลักษณะการประชุมกับผู้เข้าร่วมประชุมที่อยู่ในห้องเดียวกันหรือต่างสถานที่นั้น ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันทำให้การประชุมทั้งทางใกล้และไกลเป็นเรื่องง่ายขึ้น การประชุมสามารถทำได้ทั้งในรูปแบบออฟฟิศเคลื่อนที่ ตลอดจนการสื่อสารในรูปแบบอื่นๆ กับเพื่อนร่วมงานได้หลากหลายรูปแบบ

การประชุมถือเป็นส่วนสำคัญของชีวิตการทำงานที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอข้อมูลต่างๆ เพื่อให้เพื่อนร่วมงานได้รับรู้ข้อมูลของเรา หรือพันธมิตรทางธุรกิจ ลูกค้า รวมถึงผู้ชมอีกจำนวนมากที่ใช้อุปกรณ์ประเภทเดียวกัน

สำหรับ JTS เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ผู้ผลิตระบบเสียงชุดประชุมซึ่งนำเสนอโซลูชันที่สมบูรณ์แบบเพื่อให้ผู้ใช้ได้สัมผัสเสียงทุกถ้อยคำผ่านระบบไมโครโฟนถึงผู้ชมหรือคู่สนทนาได้อย่างน่าเชื่อถือและให้คุณภาพเสียงที่มีความชัดเจน JTS เป็นแบรนด์สินค้าจากประเทศไต้หวัน เป็นผู้ผลิตสินค้าเกี่ยวกับอุปกรณ์ด้านระบบเสียงหลายชนิด

ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นคือระบบเสียงชุดประชุม ประกอบด้วยไมโครโฟนและตัวควบคุม ระบบถูกออกแบบให้ติดตั้งง่าย มีคุณภาพคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป เหมาะกับการนำไปติดตั้งในห้องประชุมที่มีงบจำกัดและต้องการฟังก์ชันเรียบง่าย มาพร้อมระบบการใช้งานที่ไม่ยุ่งยาก ปัจจุบัน JTS มีตัวแทนจำหน่ายทั่วโลกกว่า 98 ประเทศ และยังเป็นแบรนด์ที่มีอายุกว่า 30 ปี เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งการันตีคุณภาพสินค้าได้เป็นอย่างดี

พื้นฐานระบบชุดประชุม

โดยทั่วไประบบเสียงชุดประชุมจะแบ่งอุปกรณ์ออกเป็น 4 อย่าง ได้แก่

(1) อุปกรณ์ควบคุมสัญญาณเสียง หรืออุปกรณ์ทำหน้าที่ Control ระบบไมโครโฟนทั้งหมด
(2) ไมโครโฟนสำหรับประธานในที่ประชุม ซึ่งมีความพิเศษคือสามารถสั่งปิดไมโครโฟนของผู้เข้าประชุมได้ และไมโครโฟนของประธานยังสามารถพูดได้ตลอดเวลาอีกด้วย
(3) ไมโครโฟนของผู้เข้าร่วมประชุม มักจะมีฟังก์ชันใช้งานอย่างจำกัด เช่นการกดสวิตซ์เพื่อพูดเท่านั้น
(4) ระบบการเชื่อมต่อ ปัจจุบันแบ่งออกเป็น 3 ระบบคือ ดิจิตอล แอนาลอก และระบบ Wireless

JTS CS-1CUR เครื่องควบคุมบันทึกเสียงและจ่ายไฟในระบบไมค์ประชุม

CS-1CUR เป็นอุปกรณ์สำหรับคอนโทรลไมโครโฟนชุดประชุม โดยใช้งานร่วมกับไมโครโฟนรุ่น CS-1CH ซึ่งทำหน้าที่เป็นไมโครโฟนของประธานที่ประชุม และไมโครโฟนรุ่น CS-1DU ซึ่งทำหน้าที่เป็นไมโครโฟนของผู้เข้าประชุม ตัว CS-1CUR สามารถเชื่อมต่อไมโครโฟนจำนวนมากเพื่อขยายระบบให้มีขนาดใหญ่ขึ้นตามที่ต้องการ ตัวคอนโทรล CS-1CUR เป็นอุปกรณ์ส่วนกลางที่ใช้ควบคุมระบบชุดประชุมทั้งหมด สามารถติดตั้งระบบไมโครโฟนได้สูงถึง 50 ตัวต่อหนึ่งสเตชั่น โดยรองรับการเชื่อมต่อไมโครโฟนได้ช่องละ 25 ตัว (2×25)อีกทั้งยังเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับไมโครโฟนทุกตัวที่เชื่อมต่อ มีลำโพงอยู่ภายใน สามารถเชื่อมต่อกับหูฟัง

มีระบบ Keypad lock มีหน้าจอแสดงวัน/เวลา มีระบบจับเวลา (Stopwatch) มีฟังก์ชันทดสอบการเชื่อมต่อไมโครโฟน สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ภายนอกได้ เช่น ไมโครโฟน ตัวเชื่อมโทรศัพท์ อุปกรณ์ประมวลผลสัญญาณเช่น EQ, เครื่องบันทึกเสียง เพาเวอร์แอมป์ รับแหล่งจ่ายสัญญาณเสียงแบบ Line ต่างๆ

ทั้งยังสามารถบันทึกเสียงขณะประชุมได้ภายในตัวเองโดยผ่านพอร์ต USB ในรูปแบบไฟล์ MP3 รองรับขนาดของแฟลชไดร์ฟได้สูงถึง 32GB หรือบันทึกเสียงได้ต่อเนื่องเป็นเวลา 240 ชั่วโมง เพียงแค่เชื่อมต่อแฟลชไดร์ฟเข้าไปที่ช่อง USB ด้านหลังเครื่อง แล้วกดปุ่ม Record เท่านั้นเอง

ตัว CS-1CUR นอกจากจะต้องใช้งานกับไมโครโฟนรุ่น CS-1CH และ CS-1DU แล้ว ยังจำเป็นต้องใช้กับสายสัญญาณสเตอริโอชนิด 50 Ohm นั่นคือรุ่น ACP-300/50 โดยเฉพาะในกรณีต้องการเชื่อมต่อสัญญาณออกไปยังภายนอกเช่นเครื่องขยายเสียงต่างๆ และสายเคเบิลที่ใช้เชื่อมต่อกับไมโครโฟนรุ่น D7P-10 มีขนาดความยาว 10 เมตรต่อเส้น ตัว CS-1CUR มีขนาดของอุปกรณ์ 420(W) x 44(H) x 198.5(D) น้ำหนักประมาณ 2.3kg.

รูปลักษณ์ภายนอกของ CS-1CUR

JTS CS-1CUR เป็นอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อควบคุมการทำงานของไมโครโฟนชุดประชุม CS-1CH และ CS-1DU มีรายละเอียดอื่นๆ น่าสนใจคือ ด้านบนอุปกรณ์จะพบลำโพงที่ติดอยู่ภายในเครื่องบริเวณที่เจาะรู ถัดมามีช่องสำหรับหูฟัง ถัดมาลูกบิดหรือโวลุ่มควบคุมเสียงที่จะไปออกหูฟังและลำโพงในเครื่อง ลูกบิดฝั่งขวาจะใช้คุมลำโพงด้านนอก โวลุ่มตัวนี้จะปรับได้ 11 ระดับความดัง และจะมีผลกับไมโครโฟนทุกตัวที่เชื่อมต่อกับระบบควบคุม ถัดมาเป็นแผงหน้าปัดแสดงผลการทำงานของฟังก์ชันที่ใช้ขณะนั้นในรูปดิจิตอล ด้านข้างหน้าจอจะเป็นสวิตซ์ควบคุมและเข้าถึงฟังก์ชันของตัวเครื่อง

และสุดท้ายคือสวิตซ์เปิด/ปิดเครื่อง และสวิตซ์ I/O ซึ่งใช้ควบคุมสัญญาณที่ Insert เข้ามาควบคุมสัญญาณเสียงเช่นพวกอุปกรณ์ EQ ถ้าเลือก “I” จะเป็นการให้ Insert สัญญาณเข้ามา ถ้าเลือก “O” จะไม่มีการ Insert สัญญาณเข้ามา นอกจากนั้นยังมี Gain ที่ใช้ปรับระดับอินพุตของอุปกรณ์ Recorder ได้ รวมถึง Gain ของไมโครโฟนตัวนอกที่เชื่อมต่อผ่านช่อง XLR ซึ่งช่องดังกล่าวยังสามารถจ่ายไฟ Phantom power ขนาด 48V ให้กับไมโครโฟนชนิดคอนเด็นเซอร์ ได้อีกด้วย

ช่องสำหรับเชื่อมต่อสัญญาณต่างๆ ของตัว CS-1CUR มีดังนี้

  • มีช่องเชื่อมต่อกับ telephone coupler ผ่านช่อง RCA ซึ่งมีให้จำนวน 2 ช่อง (Input/Output)
  • มีช่องสำหรับเชื่อมต่อกับอีคลอไลเซอร์แบบ RCA จำนวน 2 ช่อง (Input/Output)
  • มีช่องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เรคอร์เดอร์แบบ RCA จำนวน 2 ช่อง (Input/Output)
  • มีช่องเชื่อมต่อกับสัญญาณ Line แบบ RCA จำนวน 2 ช่อง (Input/Output)
  • มีช่องเชื่อมต่อกับไมโครโฟนตัวนอกแบบ XLR จำนวน 1 ช่อง (Input)
  • มีช่องเชื่อมต่อกับไมโครโฟนชุดประชุมทั้งของประธานและของผู้เข้าประชุมจำนวนแบบ DIN-7 ขาจำนวน 2 ช่อง
  • ช่อง USB สำหรับเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟเพื่อบันทึกเสียงเป็น MP3 ได้นานกว่า 240 ชั่วโมง

แนวทางและวิธีการใช้งาน CS-1CUR เบื้องต้น

ในกรณีที่ผู้ใช้ไม่ได้เชื่อมต่อตัว CS-1CUR กับอุปกรณ์ประมวลผลสัญญาณด้านนอกเช่น EQ ให้ตั้งสวิตซ์เป็นโหมด “O” เพื่อเป็นการปิดโหมด Insert นั่นเอง จากนั้นให้ปรับโวลุ่มของลำโพงทั้งคู่มาที่เลข 1 หรือต่ำที่สุดแล้วเปิดสวิตซ์ Power เพื่อให้เครื่องทำงาน จากนั้นผู้ใช้จะเห็นโหมดจากโรงงานแสดงผล ในเบื้องต้นให้เปลี่ยนค่าของวันเวลาโดยตั้งค่าตามรูปแบบ [ปี : เดือน : วัน] ส่วนเวลาตั้งเป็นรูปแบบ [ชั่วโมง : นาที : วินาที] ลองมาทำความรู้จักโหมดต่างๆ และการใช้งานอุปกรณ์เบื้องต้นดังนี้

1.การเลือกโหมดที่จะจัดการฟังก์ชันต่างๆ ให้เริ่มต้นด้วยการกดปุ่ม [SET] ค้างไว้ประมาณ 2 วินาที เมนูจะถูกเปิดใช้งาน

2.ให้กดปุ่มลูกศรขึ้นหรือลง เพื่อเลือกโหมดต่างๆ ตามที่ต้องการ รายละเอียดและหน้าที่ของโหมดต่างๆ มีดังนี้

  • Over Ride Mode – โหมดนี้จะใช้เพื่อเปิดรูปแบบการใช้ไมโครโฟนในลักษณะลำดับก่อน-หลัง เช่น เมื่อมีผู้เข้าร่วมประชุมกำลังใช้ไมโครโฟนตัวใดพูดอยู่ ขณะเดียวกันหากมีผู้ใช้ท่านอื่นกดปุ่มเพื่อพูดแทรกในช่วงเวลาสั้นๆ ไมโครโฟนที่พูดก่อนหน้าจะถูกปิดโดยปริยาย เราจะได้ยินเสียงเฉพาะไมโครโฟนที่กดพูดทีหลัง อย่างไรก็ดีโหมดนี้จะไม่มีผลกับไมโครโฟน CS-1CH ซึ่งเป็นของประธานที่ประชุม
  • Chairman Only – เป็นรูปแบบโหมดที่อนุญาตให้เฉพาะประธานที่ประชุมหรือเฉพาะ CS-1CH สามารถพูดได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ในระหว่างนั้นไมโครโฟนของผู้เข้าร่วมประชุมจะไม่สามารถใช้งานได้เลย
  • Open Mode – เป็นรูปแบบที่ใช้กำหนดจำนวนครั้งในการใช้งานของไมโครโฟนผู้เข้าประชุม เช่นมีการตั้งจำนวนการใช้ไว้ทั้งหมด 2 ครั้ง หากมีการกดพูดไปแล้วจำนวนรวม 2 ครั้ง เมื่อกดครั้งที่ 3 ไมโครโฟนตัวนั้นจะไม่สามารถพูดได้ จนกว่าไมโครโฟนตัวอื่นจะมีการปิดการใช้งานเสียก่อน ผู้ประชุมจึงจะกดพูดได้ ข้อจำกัดของโหมดนี้ไม่มีผลกับไมโครโฟนของประธานที่ประชุม เพราะไมโครโฟนประธานสามารถกดพูดได้ทุกเวลา
  • Timer Mode – จะมีลักษณะการทำงานคล้ายคลึงกับ Open Mode อย่างไรก็ดี ไมโครโฟนจะตัดการทำงานอัตโนมัติภายในเวลา 30 วินาที ดังนั้นในระหว่างนี้ผู้เข้าประชุมจะไม่สามารถใช้งานได้ แม้ว่าผู้ประชุมรายอื่นจะลืมปิดสวิตซ์ไมโครโฟนก็ตาม

3. เมื่อเลือกโหมดที่ต้องการใช้งานได้แล้ว ให้กดปุ่ม SET แล้วกดปุ่มลูกศรขึ้น/ลงเพื่อกำหนดค่าตัวเลขที่ต้องการ (1-4)

4.กดปุ่ม SET เพื่อยืนยันโหมดที่เลือก

จากนั้นรอสักครู่ระบบจะโชว์คำว่า “Saving” เมื่อคำนี้หายไประบบก็พร้อมทำงานตามโหมดที่ตั้งไว้ทันที

คุณสมบัติไมโครโฟน CS-1CH (ไมค์ประธาน) และ CS-1DU (ไมค์ผู้ร่วมประขุม)

สำหรับ CS-1CH (ไมค์สำหรับประธาน)และ CS-1DU (ไมค์สำหรับผู้ร่วมประชุม) มีรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายคลึงกัน แต่ทำหน้าที่ต่างกันคือตัวหนึ่งจะทำหน้าที่เป็นไมโครโฟนสำหรับประธาน อีกตัวหนึ่งจะทำหน้าที่เป็นไมโครโฟนของผู้เข้าประชุม ซึ่งในการออกแบบระบบเบื้องต้นนั้นจะต้องมีไมโครโฟนของประธานหนึ่งตัว และไมโครโฟนของผู้เข้าประชุมกี่ตัวก็ได้ ขึ้นอยู่กับจำนวนของผู้เข้าประชุมที่ต้องการหรือขนาดห้องประชุม ซึ่งเราสามารถขยายเพิ่มเติมภายหลังได้ หรือจะติดตั้งทีเดียวเต็มความสามารถของระบบคอนโทรลก็ได้

ตัว CS-1CH และ CS-1DU รูปลักษณ์ทางกายภาพเราเรียกว่าไมโครโฟนชนิดก้าน มีความยาวมาตรฐาน 40-50 เซ็นติเมตร ด้านบนสุดจะเป็นหัวของไมโครโฟนทำหน้าที่รับสัญญาณเสียง และตำแหน่งใกล้หัวไมโครโฟนจะมี Ring หรือวงแหวนแสดงสถานะการทำงานของตัวอุปกรณ์ ไฟจะสว่างขึ้นเมื่อไมโครโฟนอยู่ในสถานะพร้อมทำงานหรือเมื่อมีการทดสอบการทำงานของตัวไมโครโฟนว่าพร้อมทำงานแล้ว ด้านล่างบริเวณลำโพงจะมีหลอด LED อีกตัวซึ่งจะสว่างเมื่อมีการทดสอบหรือเมื่อไมโครโฟนกำลังทำงานอยู่

ถัดมาผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อหูฟังด้วยแจ็คขนาด 3.5mm ได้ ซึ่งจะทำให้ลำโพงที่ฐานของตัวไมโครโฟนปิดเสียงไปโดยปริยาย ถัดมาบริเวณฐานของก้านไมโครโฟนจะเป็นลำโพงของไมโครโฟน เสียงที่ปล่อยออกมาลำโพงนี้จะเป็นเฉพาะเสียงของผู้อื่นซึ่งไม่ใช่เสียงของผู้พูดที่พูดผ่านไมโครโฟนตัวนั้นๆ

CS-1CH จะมีสวิตซ์พิเศษทางฝั่งซ้ายมือที่ใช้เปิดเพื่อขัดจังหวะหรือพูดแทรกผู้พูดคนอื่นได้ ถัดมาถ้าเป็นรุ่น CS-1CH ทางฝั่งขวามือจะเป็นสวิตซ์เปิด/ปิดการทำงานของไมโครโฟน

ส่วนรุ่น CS-1DU จะเป็นปุ่มซึ่งทำหน้าที่เดียวกันนั่นเอง ด้านหลังของฐานไมโครโฟนจะมีช่องเชื่อมต่อ 2 ช่อง หนึ่งในจำนวนนั้นใช้สำหรับต่อไปยังไมโครโฟนตัวอื่นๆ ถัดมาเป็นปลั๊กที่เรียกว่า Trunk In/Out ใช้สำหรับต่อกับอุปกรณ์คอนโทรล หรือสเตชันของไมโครโฟนอื่นๆ ถัดมาเป็นโวลุ่มสำหรับควบคุมความดังเบาของสัญญาณเสียงที่ผ่านหูฟัง ถัดมาเป็นตัวควบคุม Gain การขยายเสียงของสัญญาณไมโครโฟน

CS-1CH มีความพิเศษอีกสองอย่างคือ มันจะมีสวิตซ์ควบคุมรูปแบบการทำงานซึ่งอยู่ใต้ฐานไมโครโฟน คือหากต้องการสัญญาณดังขึ้นอัตโนมัติเมื่อมีการขัดจังหวะ โดยสัญญาณนี้จะดังขึ้น เมื่อผู้ใช้ตั้งสวิตซ์ไว้ฝั่งบน (upper position) หรืออีกกรณีหากต้องการให้ไมโครโฟนของผู้เข้าประชุมปิดเมื่อมีการขัดจังหวะให้ตั้งสวิตซ์ไว้ฝั่งล่าง (lower position) การติดตั้งระบบของระบบชุดประชุมนี้จะเชื่อมต่อแบบ Daisy chain ผ่านสายเคเบิลรุ่น D7P-10 นอกจากนี้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ เพื่อขยายระบบเพิ่มเติมได้ตามความต้องการหรือตามงบประมาณที่มี

ข้อดี

  • ราคาประหยัด คุณภาพดี รูปลักษณ์สวยงาม
  • ใช้งานง่าย ติดตั้งง่าย
  • รองรับการเชื่อมต่อไมโครโฟนได้สูงสุด 50 ตัวต่อหนึ่งสเตชั่น
  • เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกได้หลากหลาย
  • สามารถบันทึกเสียงได้ในรูป MP3 ได้นานกว่า 240 ชั่วโมง

สรุป

หากหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชน กำลังมองหาไมโครโฟนชุดประชุมคุณภาพดี ราคาไม่แพง และสามารถบันทึกเสียงการประชุมได้ภายในตัวโดยไม่ต้องต่อเครื่องบันทึกเสียงภายนอกให้ยุ่งยาก

ระบบชุดประชุม JTS ถือว่าตอบโจทย์ได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากจะเป็นไมโครโฟนราคาประหยัดแล้ว ยังเป็นระบบชุดประชุมที่ใช้งานง่าย ด้วยรูปแบบที่มาพร้อมกับตัวคอนโทรล CS-1CUR และรองรับไมโครโฟนรุ่น CS-1CH ทำหน้าที่เป็นไมโครโฟนของประธานที่ประชุม และไมโครโฟนรุ่น CS-1DU ทำหน้าที่เป็นไมโครโฟนของผู้เข้าประชุม สามารถเชื่อมต่อได้สูงสุด 50 ต่อหนึ่งสเตชั่น รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกได้อย่างครบครันเลยทีเดียว

บทความโดย : อาจารย์ เดชฤทธิ์ พลเยี่ยม (Bobby Rambo)


หากมีข้อสงสัยประการใดในการเลือกซื้อ ระบบเครื่องเสียงห้องประชุม
สามารถขอคำปรึกษาติดต่อมาที่บริษัท Musicspace ยินดีให้บริการปรึกษา พร้อมคำแนะนำ ในการเลือกซื้ออุปกรณ์เครื่องเสียง
โทร. 022031821 , 026414744

Read More
หากจะกล่าวถึงสถานที่ๆผ่านเข้ามาในชีวิตของพวกเราในช่วงวั […]

หากจะกล่าวถึงสถานที่ๆผ่านเข้ามาในชีวิตของพวกเราในช่วงวัยเยาว์ของทุกๆคน คงหนีไม่พ้นโรงเรียน หรือถ้าเรียกให้เป็นทางการนั่นก็คือ สถานศึกษา นั่นเอง ซึ่งแบ่งออกได้เป็น โรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นของรัฐบาลหรือเอกชน สิ่งหนึ่งที่นอกจากสถานศึกษาเหล่านี้จะจัดการเรื่องของการศึกษานั่นก็คือ เรื่องของการบริหารจัดการความเป็นระเบียบเรียบร้อยของผู้ที่เข้ามาศึกษาในสถานศึกษานั้นๆ เมื่อมีผู้คนจำนวนมากมาอยู่ร่วมกัน แน่นอนว่าสิ่งที่จะสามารถสื่อสารให้ทุกคนได้ยินและรับข้อความได้ถูกต้องไปในทางเดียวกัน นั่นก็คือ “ระบบเสียง”

ในส่วนของสถานศึกษานั้น น่าจะแบ่งส่วนของระบบเสียงได้ตามการใช้งานนั่นก็คือ ระบบเสียงประกาศโดยรวม ระบบเสียงสำหรับห้องเรียน และ ระบบเสียงสำหรับหอประชุมหรือโรงยิมเนเซียม เดี๋ยวเรามาดูกันทีละเรื่องกันครับ

ระบบเสียงประกาศสำหรับสถานศึกษา

การเลือกลำโพง

ระบบเสียงประกาศภายในสถานศึกษานั้น ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ การสื่อสารเพื่อให้รับรู้กิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นภายในสถานศึกษานั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง และที่สำคัญเสียงต้องไม่ไปรบกวนผู้ที่กำลังเรียนอยู่

ฉะนั้นการออกแบบระบบเสียงประกาศสำหรับสถานศึกษานั้น นอกจากต้องให้เสียงดังครอบคลุมทุกพื้นที่ของสถานศึกษาแล้ว เสียงที่ได้ยินต้องชัดและไม่รบกวนพื้นที่โดยรอบสถานศึกษา บางครั้งสถานศึกษาของเรานั้นอยู่ในเขตชุมชน และหากว่าเราวางระบบเสียงผิดพลาด เสียงจากสถานศึกษาของเรานั้นจะไปรบกวนยังชุมชนข้างเคียง และก็จะก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงโดยไม่จำเป็น

ประการสำคัญที่จะกำหนดให้เสียงอยู่ในพื้นที่ๆต้องการนั้นก็คือ การเลือกลำโพงให้เหมาะสมกับพื้นที่ หากเป็นพื้นที่โล่งแจ้งก็สมควรเลือกลำโพงที่สามารถกระจายเสียงได้ครอบคลุมพื้นที่ได้มากที่สุดและที่สำคัญต้องกันน้ำกันฝุ่นได้ด้วย

มุมกระจายเสียงของลำโพงจึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น บริเวณที่ต้องการประกาศนั้นเป็นพื้นที่ยาวและแคบ เราก็สมควรเลือกมุมกระจายเสียงของลำโพงที่แคบ เพื่อควบคุมการกระจายเสียงไม่ให้ไปสะท้อนกับพื้นผิวผนังด้านข้าง อันจะก่อให้เกิดเสียงสะท้อนหรือเสียงก้องตามมาแล้วจะทำให้เสียงจริงนั้นขาดความคมชัด

อีกอย่างมุมการกระจายเสียงของลำโพงที่แคบทำให้เสียงที่ส่งไปนั้นส่งไปได้ไกลมากยิ่งขึ้น ความคมชัด ณ จุดที่ไกลที่สุดก็จะคมชัดกว่าลำโพงที่มุมกระจายเสียงกว้าง

จำเป็นต้องแยกโซนประกาศ

เนื่องจากในสถานศึกษานั้นประกอบไปด้วยหลายๆแผนก และหลายๆคณะ หากเราแยกโซนประกาศได้อย่าชัดเจน การบริหากจัดการก็จะยิ่งง่ายมากขึ้น อย่างเช่น หากเราต้องการประกาศข่าวสารเฉพาะให้คณะนิเทศศาสตร์ทราบ เราก็เลือกโซนเฉพาะตึกที่เป็นของคณะนิเทศศาสตร์เท่านั้น เสียงก็จะไม่ไปรบกวนการเรียนการสอนของคณะอื่นๆ

หรือยกตัวอย่างเช่นโรงเรียนประถมหรือมัธยม อาจารย์ผู้สอนติดราชการในคาบของนักเรียนชั้น ม.3/2 ทางโรงเรียนมีข้อมูลอยู่แล้วว่าตอนนี้นักเรียนอยุ๋ที่ห้องไหน ตึกที่เท่าไหร่ ก็สามารถประกาศเฉพาะตึกหรือห้องเรียนนั้นๆได้ ก็จะไม่เกิดความรำคาญต่อผู้อื่นที่กำลังเรียนอยู่
โดยส่วนใหญ่แล้วโรงเรียนมักจะประกาศเป็นโซนเดียวแล้วได้ยินทั้งโรงเรียน อีกทั้งยังเผื่อแผ่ไปยังชุมชนข้างๆอีกด้วย อันจะเป็นการรบกวนซึ่งกันและกัน


ระบบเสียงหอประชุมและโรงยิมเนเซียม

หอประชุมสถานศึกษานั้น ถือได้ว่าเป็นศูนย์รวมทั้งนักเรียนนักศึกษา ครูอาจารย์เลยก็ว่าได้ และการออกแบบอาคารของหอประชุมนั้นมักจะเหมือนกันเกือบทั้งประเทศที่เป็นโรงเรียนของรัฐบาล และปัญหาที่พบบ่อยมากที่สุดนั่นก็คือ ความก้องของเสียง

เนื่องจากโดยส่วนใหญ่แล้วอาคารหอประชุมนั้นมักจะออกแบบมาให้ใช้งานอย่างเอนกประสงค์ ทั้งการประชุมและเล่นกีฬาต่างๆ

หากเราใช้วัสดุที่ซับเสียงทั้งหมด เสียงก้องก็จะหายไปแต่ความมีอรรถรสในการเล่นกีฬาก็จะหายไปด้วย ดังนั้นการออกแบบระบบเสียงจึงจำเป็นต้องออกแบบมาให้รองรับการทำงานทั้งหมดที่กล่าวมา

ความดังที่เหมาะสม

แน่นอนว่าเมื่อคนมาอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก เสียงพูดคุยก็จะดังเพิ่มขึ้น บวกกับเสียงแอร์หรือพัดลมและระบบระบายอากาศก็ดี เมื่อรวมกันแล้วจะมีเสียงที่ดังมาก อย่างน้อยก็คงมี 90dB เสียงพวกนี้เราเรียกมันว่า Noise Floor หรือเสียงรบกวนพื้นฐานที่เราต้องคำนึงถึงเป็นอับดับแรกๆ ฉะนั้นหากเราจะออกแบบระบบเสียงก็ควรจะต้องให้มีความดังมากกว่าเสียงรบกวนข้างต้นอย่างน้อย 10dB หากเสียงรบกวนมีความดัง 90dB ระบบเสียงของเราก็ควรจะมีความดังไม่น้อยกว่า 100dB

ยิ่งหากเป็นโรงยิมเนเซียมด้วยแล้วเวลาคนเชียร์กีฬามักจะตะโกนเสียงดัง เราก็จำเป็นต้องเผื่อระบบเสียงให้ดังขึ้นไปอีกอย่างน้อยต้องมากกว่า 105dB หากเรารู้อย่างนี้ก็สามารถคำนวนได้ว่าต้องใช้ลำโพงกี่ใบ รุ่นไหน และเพาเวอร์แอมป์ทั้งหมดกี่วัตต์

การเลือกลำโพง

เมื่อหอประชุมมีความก้องของเสียงมาก อย่างแรกเลยก่อนที่เราจะเลือกลำโพงนั่นก็คือ การวัดและวิเคราะห์ห้อง โดยการเก็บตัวอย่างของเสียงในห้องนั้นๆ โดยโปรแกรมวัดเสียง แล้วนำมาจำลองด้วยโปรแกรมออกแบบระบบเสียงเพื่อจะดูค่าต่างๆ เช่น RT60(ค่าความก้องของเสียง), STI (ค่าความคมชัดของเสียง) เพื่อความแม่นยำในการออกแบบและเลือกลำโพงมาใช้งาน หากว่าไม่สามารถที่จะปรับแก้ Acoustic ได้ ซึ่งเป็นไปได้ยากเพราะความหลากหลายในการใช้งานของห้อง

ยิ่งห้องที่มีความก้องของเสียงมากเราก็ควรที่จะเลือกลำโพงที่มีมุมกระจายเสียงที่แคบ เพื่อลดเสียงที่ไปสะท้อนกับผนังด้านต่างๆของเสียง และควรที่จะมีจำนวนลำโพงเยอะมากพอ เพื่อที่จะให้เสียงกระจายได้ทั่วถึงผู้ฟัง โดยไม่ต้องเร่งเสียงลำโพงให้ดังจนเกินไป เพราะหากลำโพงจำนวนน้อยๆ เรายิ่งต้องเร่งเสียงให้ดังขึ้นเพื่อที่จะให้ผู้ฟังด้านหลังนั้นได้ยินเสียงที่ชัดเจน เมื่อเร่งเสียงดังขึ้นปัญหาที่ตามมานั่นก็คือเสียงสะท้อนที่มากขึ้นตามมาด้วย

นี่คือแนวความคิดบางส่วนในการออกแบบระบบเสียงสำหรับสถานศึกษา ในความเป็นจริงแล้วมีรายละเอียดที่เยอะมาก หากมีข้อสงสัยประการใด ติดต่อมาได้ที่ บริษัทมิวสิคสเปซ จำกัด เรายินดีให้คำปรึกษาและบริการอย่างมืออาชีพ

บริษัทมิวสิคสเปซ เรามีผู้ชำนาญการในการออกแบบติดตั้งระบบเสียงในโรงเรียน มหาวิทยาลัย และสถานศึกษาต่างๆไว้คอยบริการท่าน
ไขข้อสงสัยพร้อมให้คำปรึกษาอย่างดี ด้วยทีมงานมืออาชีพนะครับ

หมายเหตุ

**กรณี ที่ทางบริษัทได้ดำเนินการออกแบบงานระบบ เสียงในโรงเรียน มหาวิทยาลัย และสถานศึกษาให้กับหน่วยงานนั้นๆแล้ว ด้วยเหตุผลต่างๆที่ทางบริษัทไม่ได้ทำงานนั้นๆ แต่งานที่ออกมาเป็นระบบเดียวกันกับที่ทางบริษัทกำหนดและออกแบบไว้ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการคิดค่าออกแบบงานระบบทั้งหมดเป็นจำนวนเงิน 5% ของมูลค่างานนั้นนั้น**

**ทางบริษัทไม่คิดค่าใช้จ่ายในการออกแบบในกรณีที่ทางบริษัทได้รับทำงานนั้นๆ**

บทความโดย อาจารย์ น้อย (ทรงพล แจ่มแจ้ง) www.liveforsound.com
ผู้ออกแบบระบบ เทคนิคเชี่ยนและเอ็นจิเนียร์ ประจำบริษัทมิวสิคสเปซ


หากมีข้อสงสัยประการใดในการเลือกซื้อ ระบบเสียงในโรงเรียน มหาวิทยาลัย และสถานศึกษาต่างๆ หรือระบบเครื่องเสียงห้องประชุม
สามารถขอคำปรึกษาติดต่อมาที่บริษัท Musicspace ยินดีให้บริการปรึกษา พร้อมคำแนะนำ ในการเลือกซื้ออุปกรณ์เครื่องเสียง
โทร. 022031821 , 026414744

 

Read More
ในปัจจุบันเทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการดำรง […]

ภาพหลัก1

ในปัจจุบันเทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการดำรงชีวิตของคนเรามากขึ้น จากโลกที่ดูกว้างใหญ่กลับเล็กลงไปในถนัดตา เมื่อการสื่อสารที่ไร้พรมแดนไม่ว่าคุณจะอยู่ส่วนไหนของโลกก็สามารถติดต่อสื่อสารกันได้เสมือนว่าอยู่ใกล้กันแค่เอื้อมมือ

video_conference2

จากการติดต่อสื่อสารผ่านนกพิราบ มาสู่ยุคของโทรเลข และหลังจากนั้นได้ปรากฎเทคโนโลยีการสื่อสารรูปแบบใหม่ที่มนุษย์ที่มีชื่อว่า อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ (Alexander Graham Bell) ได้คิดค้นการติดต่อสื่อสารผ่านเสียงจากอีกที่นึงไปยังอีกที่นึงซึ่งในปัจจุบันนี้เราเรียกมันว่า โทรศัพท์ และเมื่อมนุษย์สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ง่ายมากขึ้นด้วยสำเนียงเสียงพูดของเราผ่านโทรศัพท์ให้อีกฝากฝั่งได้ยิน

ยิ่งเมื่อการคิดค้นค้นคว้าได้ถูกพัฒนาขึ้น และการทำธุรกิจที่แผ่ขยายของบริษัทหลายๆบริษัทที่มีสาขาเครือข่ายออกไปยังที่ต่างๆทั่วทุกมุมโลก แน่นอนว่าการประชุมวางแผนทางธุรกิจในการพัฒนาองค์กรไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของรัฐหรือของเอกชนต่างมีความสำคัญมากขึ้น

เลยมีระบบการประชุมทางไกลเกิดขึ้นและแน่นอนว่าการประชุมนั้นถ้ามีแต่เสียงไม่เห็นภาพคงเป็นการยากที่จะตัดสินใจดำเนินธุรกิจได้อย่างเด็ดขาดรวดเร็ว จึงมีระบบภาพเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งการประชุมทางไกลที่ว่านี้เราเรียกว่า “ระบบวิดีโอคอนเฟอเร้นท์” (Video Conference)

ซึ่งใช้ผ่านระบบเครือข่ายโทรศัพท์ และระบบเครือข่าย IP Network แน่นอนว่าการสื่อสารไปยังจุดหมายปลายทางนั้นต้องเข้ารหัสเชื่อมต่อถึงกันและกัน และเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนจากโทรศัพท์คลื่นความถี่ธรรมดาๆกลับมาเป็นโทรศัพท์อัจฉริยะที่มีชื่อว่า “สมาร์ทโฟน” (Smartphone)

จากการสื่อสารที่มีแต่ระบบส่งข้อความผ่านแอปปลิเคชั่นกลับกลายเป็นการสื่อสารแบบเห็นหน้าเห็นตาที่เรียกว่า วิดีโอคอล (Video Call) ผ่านแอปปลิเคชั่นต่างๆ เช่น Skype, Line, Facebook Masenger ฯลฯ และแน่นอนว่าเมื่อเทคโลโลยีทำให้เราใช้งานง่ายขึ้นมันเลยส่งผลมายังระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ให้สามารถนำแอปปลิเคชั่นเหล่านี้มาใช้กับงานประชุมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

             ด้วยเหตุนี่้ทาง บริษัท BIAMP จากสหรัฐอเมริกา จึงคิดค้นอุปกรณ์สำหรับการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ หรือ Video Conference ในชื่อ DEVIO ที่บริหารจัดการได้ง่าย ผ่านแอปปลิเคชั่น Microsoft Skype for Business (Microsoft Lync®) and Microsoft Skype®, Citrix GoToMeeting®, Cisco WebEx®, and Google Hangouts™ ฯลฯติดตั้งสะดวก ประหยัดพื้นที่ใช้สอยบนโต๊ะประชุม, สามารถใช้ประชุมได้ไม่ว่าจะเป็นกับคอมพิวเตอร์แบบพกพา Notebook หรือ Smartphone

โดยในชุดระบบการประชุมทางไกล BIAMP DEVIO Video Conference จะประกอบด้วย

  • เครื่องควบคุม DEVIO CR-1 Conference Room Device 1 เครื่อง,
  • ไมโครโฟน Devio™ DTM-1 Beamforming Microphones 1 ตัว
biamp_devio_video_conference_3

 

Devio ถูกออกแบบมาเพื่อสำหรับการใช้งานการประชุมที่มีพื้นที่ไม่ใหญ่มากนัก (Huddle Room) เพื่อแลกเปลี่ยนทางความคิดในการนำเสนองาน โดยผ่าน Soft Conference Technology เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในการแสดงภาพสามารถแสดงภาพขึ้นจอได้ 2 ช่องสัญญาณอย่างอิสระ อีกทั้งตัวไมค์ยังได้นำเทคโนโลยี Beamforming Microphone มาใช้ด้วย ซึ่งข้างในตัวอุปกรณ์จะประกอบด้วยไมโครโฟน 8 ตัว ทำหน้าที่ในการรับสัญญาณแบ่งการทำงานออกเป็น 3 ช่วง ช่วงล่ะ 120 องศา รวมเป็น 360 องศา เพื่อให้ครอบคลุมทั่วพื้นที่การใช้งาน

ในการประชุมทางไกลส่วนใหญ่จะพบปัญหาการที่ประชุมแล้วได้ยินเสียงจากฝั่งปลายทางไม่ชัดเจน ฟังไม่รู้เรื่องว่าพูดอะไร เนื่องจากเกิดการสะท้อนของสัญญาณเสียงภายในห้องฝั่งปลายทางที่ออกมาจากลำโพงวิ่งกลับเข้ามายังไมโครโฟนทำให้เกิดการลูบของสัญญาณเสียง และส่งกลับมาให้เราได้ยินทำให้เกิดเสียงซ้อน ยิ่งห้องประชุมมีสภาพห้องที่ก้องด้วยแล้ว เสียงที่ได้ยิ่งฟังไม่รู้เรื่องเลยว่าพูดอะไร

ดังนั้นอุปกรณ์จึงจำเป็นอย่างยิ่งต้องมีฟังก์ชั่นเทคโนโลยี Acoustic Echo Cancelling (AEC) เพื่อมาแก้ปัญหานี้ ถึงจะได้สัญญาณเสียงที่ออกมามีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ซึ่ง ใน DEVIO ก็มีฟังก์ชั่นนี้อยู่ด้วยอีกทั้งยังมีฟังก์ชั่น Auto Gain Control เพื่อชดเชยสัญญาณเสียงที่มาเบา ให้มีระดับสัญญาณเสียงที่ออกมาเหมาะสมกับห้องประชุมที่ใช้งาน ทำให้ระบบมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้

ภาพหลัก2

 

ต่อไปไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้คุณก็สามารถติดต่อสื่อสาร Video Conference ได้อย่างง่ายดาย ด้วย Notbook หรือ Smartphone เพียงเครื่องเดียวเท่านั้นโดยผ่าน Soft Conference Technology ก็จะหมดปัญหาเสียงก้องเสียงสะท้อนรวมถึงการฟังที่ไม่รู้เรื่องอีกต่อไป…

บริษัทมิวสิคสเปซ เรามีผู้ชำนาญการในการออกแบบติดตั้งระบบ Video Conference ไว้คอยบริการท่าน
ไขข้อสงสัยพร้อมให้คำปรึกษาอย่างดี ด้วยทีมงานมืออาชีพนะครับ


หากมีข้อสงสัยประการใดในการเลือกซื้อ ระบบประชุม Video Conference หรือระบบเครื่องเสียงห้องประชุม 
บริษัท Musicspace ยินดีให้บริการปรึกษา พร้อมคำแนะนำ ในการเลือกซื้ออุปกรณ์เครื่องเสียง
สำหรับห้องประชุมขนาดเล็ก …โทร. 022031821 , 026414744

 

Read More

โทร. : 02-2031821 , 02-6414744
สายด่วน : 095-9265276 , 086-3114142

หรือส่งข้อความด้านล่างเพื่อติดต่อเราทาง Facebook